อุทยานแห่งชาติคลองพนม พื้นที่ป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน

สิงหาคม 22, 2553
อุทยานแห่งชาติคลองพนม ตั้งอยู่ในเขตอำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน สวยงาม ดูลึกลับแปลกตา อีกทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ซึ่งเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชุมชนแถบนี้ ซึ่งผืนป่าแห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 จัดเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่  102 ของประเทศไทย
ลักษณะภูมิประเทศ

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา กินเนื้อที่กว่า 80% ของอุทยาน โดยเป็นแนวสันเขาที่ลากยาวจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูน มีความสูงชันสลับซับซ้อน บางแห่งมีหน้าผาสูงชัน โดยจุดสูงสุดอยู่บริเวณช่วงกลาง ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 870 เมตร
ลักษณะภูมิอากาศ

อุทยานแห่งชาติคลองพนม เป็นป่าที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน ทำให้มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปี โดยฤดูฝนจะเริ่มประมาณเดือนพฤษภาคม – เดือนธันวาคม ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคม – เดือนตุลาคมจะเป็นช่วงที่ฝนตกชุกมากที่สุด ส่วนในฤดูร้อนจะมีอากาศร้อยที่สุดในช่วงเดือนเมษายน โดยระยะเวลาที่เหมาะสมกับการมาเยี่ยมชม จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม – เดือนเมษายน
สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติคลองพนม

ในเขตอุทยานแห่งชาติคลองพนม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ดังนี้
ชมบัวผุด

บัวผุดหรือบัวตูม เป็นไม้กาฝากชนิดหนึ่ง เติบโตอยู่บนรากของพืชสกุลเครือเขาน้ำ มีลักษณะเด่นที่ดอก โดยเป็นดอกเดียวขนาดใหญ่ขึ้นจากพื้นดิน มีกลิ่นเหม็นมาก โดยจะมีดอกระหว่างฤดูฝน และจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม ในเขตอุทยานจะพบบัวผุดบริเวณเขาหลังบ้านถ้ำผึ้ง หมู่ที่ 6 ตำบลคลองศก อำเภอพนม โดยใช้เส้นทางบนถนนสายหลักสุราษฎร์ธานี–ตะกั่วป่า แล้วเข้าไปช่วงหลักกิโลเมตรที่ 108 ประมาณ 4 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงแหล่งที่มีบัวผุด
ถ้ำแก้ว

เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม มีรูปร่างแปลกตา อีกทั้งในถ้ำยังมีห้องย่อย ๆ อีก 4 ห้อง ได้แก่ ห้องฤาษี ห้องม้าน้ำ ห้องหม้อยา และห้องเกล็ดแก้ว ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการเดินชมความงามของถ้ำแก้วในทุกซอกทุกมุม โดยถ้ำแห่งนี้อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 2 กิโลเมตร และต้องเดินเลียบเชิงเขาเพื่อไปถึงบริเวณปากถ้ำอีกประมาณ 1 กิโลเมตร
ถ้าน้ำลอดเขาวงก์

อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ คพ. 1 (บ้านคลองพนม) ประมาณ 5 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีลำธารซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอด มีหินงอกหินย้อยสวยงามแปลกตา ซึ่งอีกด้านหนึ่งของถ้ำ จะเป็นค่ายคอมมิวนิสต์เก่า ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ โดยใช้ระยะเวลาเดินจากหน้าถ้ำ ไปยังอีกด้านประมาณ 40 นาที อีกทั้งถ้ำแห่งนี้ยังมีฝูงค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
น้ำตกเขาวงก์

เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันลงสู่ลำธารด้านล่าง มีความสูงรวม 8 ชั้น สายน้ำที่เกิดเป็นน้ำตกแห่งนี้ เป็นสายน้ำเดียวกับสายน้ำที่ผ่านถ้ำน้ำลอดเขาวงก์ เป็นแหล่งต้นน้ำคลองพนม และถือว่าเป็นแหล่งน้ำสำคัญของค่ายคอมมิวนิสต์ ที่เคยจัดตั้งกองกำลังอยู่ในบริเวณนี้ด้วย
น้ำตกโตนไทร

เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีความสูงทั้งสิ้น 12 ชั้น เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามน่าหลงใหล ผืนป่ารอบ ๆ มีความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่านานาชนิด อีกทั้งบริเวณน้ำตกยังมีต้นไทรขึ้นปกคลุมอยู่หนาแน่น ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากหมู่บ้านสะพานนาคหมู่ที่ 5 ประมาณ 3.5 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ไปที่ตัวหมู่บ้าน และเดินเท้าต่อไปยังตัวน้ำตก โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ล่องลำน้ำคลองศก (วังมัจฉา–บ้านเชียวปง)

เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติทางน้ำ ใช้ระยะเวลาในการล่องลำน้ำประมาณ 2 ชั่วโมง มีจุดเริ่มเส้นทางห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 1 กิโลเมตร หรือบริเวณวังมัจฉา ซึ่งมีสายพันธุ์ปลาหลากหลายสายพันธุ์ เช่น ปลาแรด ปลาตะเพียนหางแดง และปลากดหิน เป็นต้น โดยตลอดสองฝั่งคลองจะมีภูเขาหินปูน ซึ่งมีความสูงชันเป็นหน้าผาที่สวยงามน่าประทับใจ
ล่องแก่งลำน้ำคลองพนม–บ้านเบญจา

จุดเริ่มต้นของการล่องแก่งจะอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่คพ.1 (บ้านคลองพนม) ใช้ระยะเวลาในการล่องแก่งทั้งสิ้นประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายและความตื่นเต้น โดยช่วงที่เหมาะสมจะอยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม – เดือนธันวาคม ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลากมีน้ำไหลเชี่ยว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมกับความงามของพันธุ์ไม้นานาชนิด ที่ยังคงความสวยงามและความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติต้นไม้ใหญ่

เส้นทางนี้มีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 200 เมตร ระหว่างเส้นทางมีป่าไม้ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีจุดชมทิวทัศน์ซึ่งอยู่บนโขดหินที่มีความสวยงาม โดยจุดเด่นที่สุดของเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ คือ ต้นกระบากขาว ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ มีขนาดรอบต้นยาวถึง 12 เมตร
การเดินทางมายังอุทยานแห่งชาติคลองพนม

สามารถขับรถโดยใช้ถนนเส้นสุราษฎร์ธานี – ตะกั่วป่า หรือใช้บริการรถโดยสารสายสุราษฎร์ธานี – ภูเก็ต รวมถึงรถตู้สายสุราษฎร์ธานี – เขาศก โดยให้ลงรถที่หน้าป้ายอุทยานแห่งชาติคลองพนม หลักกิโลเมตรที่ 80
สิ่งอำนวยความสะดวก

ภายในอุทยานมีบ้านพักและลานกางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าคอยให้บริการนำทางเดินป่าเพื่อไปชมดอกบัวผุด โดยสามารถติดต่อได้ที่ อุทยานแห่งชาติคลองพนม โทรศัพท์ 077-299-298

อุทยานแห่งชาติคลองพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีจุดเด่นอยู่ที่ภูเขาหินปูนสูงชัน มีน้ำตกที่สวยงาม อีกทั้งยังร่ำรวยผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีจุดเด่นอยู่ที่ต้นกระบากขาวขนาดใหญ่ และดอกบัวผุดที่บานรอคอยนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม อุดมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลากหลายจุดถึงเพียงนี้ เห็นทีจะต้องหาโอกาสแวะมาเที่ยวชมสักครั้ง

อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น จังหวัดสุราษฎร์ธานี แหล่งอาศัยของสัตว์นานาชนิด

สิงหาคม 20, 2553
อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ตั้งอยู่ที่อำเภอเวียงสระและอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพื้นที่ครอบคลุมทั้ง 2 อำเภอ โดยภายในอุทยานจะมีลักษณะเป็นป่าดงดิบชื้นและมีความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิดและยังเป็นต้นน้ำลำธารที่สำคัญ นอกจากนี้ก็มีภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีความสูงประมาณ 1,530 เมตรจากระดับของน้ำทะเล และมีหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้ได้ชม โดยอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นก็ได้จัดตั้งเป็นอุทยานเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2530 มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 265,625 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ

มีลักษณะเป็นเทือกเขาที่มีความสลับซับซ้อนและมีลำคลองที่สำคัญหลายสาย เช่น คลองลำพูน คลองแคระ คลองฉวาง และคลองกิ่งยาว เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีภูเขาที่มีลักษณะเป็นถ้ำที่มีความงดงามและน่าชม
ลักษณะภูมิอากาศ

สำหรับภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ในช่วงเดือนเมษายนจะมีอุณหภูมิสูงสุดและเดือนมกราคมจะมีอุณหภูมิต่ำสุด ซึ่งเมื่อคิดเฉลี่ยอุณหภูมิตลอดปีพบว่าอยู่ที่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส นั่นก็เพราะว่าพื้นที่อุทยานอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จึงทำให้มีสภาพอากาศดังกล่าว ส่วนปริมาณน้ำฝน เมื่อเฉลี่ยรายปีพบว่าไม่น้อยกว่า 1,600 มิลลิเมตร โดยจะมีน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน
สถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น

อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เป็นอุทยานที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผืนป่าและสัตว์ป่านานาชนิด และด้วยบรรยากาศที่กำลังสบาย ไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไป จึงทำให้ที่นี่เหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน และนอกจากความอุดมสมบูรณ์และงดงามของอุทยานแล้ว ภายในก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยเฉพาะน้ำตกและเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แต่เพื่อให้ผืนป่าได้มีการฟื้นตัวบ้าง จึงมีการปิดการท่องเที่ยวประจำปี ในระหว่างวันที่ 15 ส.ค. – 15 ธ.ค. ของทุกปีนั่นเอง โดยสถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยาน ก็มีดังนี้
1. น้ำตกดาดฟ้า

น้ำตก 7 ชั้น ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความใหญ่และสูงที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีหน้าผาที่สูงชันถึง 80 เมตร โดยภายในบริเวณน้ำตกจะมีอากาศที่เย็นสบาย เต็มไปด้วยความงดงามแบบธรรมชาติ สามารถลงเล่นน้ำได้ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลลำพูน อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2. น้ำตกเหมืองทวด

น้ำตกที่มีความโดดเด่นในเขตอำเภอบ้านนาสาร โดยมีทั้งหมด 7 ชั้นเช่นกัน นอกจากนี้ในบริเวณใกล้ๆ กับน้ำตกก็มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้ได้ชมกัน นั่นคือ ค่าย 180 ซึ่งเป็นค่ายที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เคยใช้ในการวางกำลังซุ่มโจมตีทหารนั่นเอง แต่การจะเข้าไปเที่ยวที่ค่ายแห่งนี้ จะต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางก่อน และบริเวณใกล้ๆ กันก็มีน้ำตกสามห้าเจ็ด 5 ชั้น ที่มีความสวยงาม น่าเที่ยวไม่แพ้กัน
3. น้ำตกเพชรพนมวัฒน์

น้ำตก 2 ชั้น ขนาดไม่ใหญ่มาก โดยมีหน้าผาหินวางขวางลำน้ำอย่างสวยงาม สร้างความตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งตั้งอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ รย.4 และยังมีน้ำตกอีกหลายแห่งบริเวณใกล้เคียง เช่น น้ำตกคลองน้ำเฒ่า 2 ชั้น โดยชั้นที่สอง สายน้ำจะไหลลาดลงมาและแยกออกเป็นสามสาย เป็นภาพที่มองดูงดงามมาก และน้ำตกคลองคันเบ็ด ซึ่งมี 7 ชั้น นอกจากนี้ก็มีถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ชื่อว่าถ้ำขมิ้น ภายในมีหินงอกหินย้อยที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาอย่างสวยงาม ส่วนบริเวณใกล้เคียง ก็มีถ้ำปลาและถ้ำน้ำลอดทะลุใต้ภูเขาที่สวยงามและน่าเที่ยวชมไม่แพ้กัน
การเดินทาง

สำหรับการเดินทาง เริ่มต้นจากตัวเมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นให้ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 4009 ถนนสายสุราษฎร์ธานี-บ้านนาสาร โดยขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 33 กิโลเมตรก็จะพบกับบ้านเฉียงพร้า อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนควนสุบรรณ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. ขับตรงไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในอุทยานได้เลย

อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เป็นอุทยานที่มีความงดงามน่าเที่ยว และมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การไปเที่ยวชม ซึ่งการเดินทางไปเที่ยวก็ไม่ยาก แต่ควรเลี่ยงการไปเที่ยวในช่วงฤดูฝน เพราะอาจเป็นอันตรายได้

 Website: park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1074

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ประกอบด้วยเกาะเล็กน้อยใหญ่ถึงกว่า 42 เกาะ

สิงหาคม 19, 2553
หมู่เกาะอ่างทอง เป็นหมู่เกาะในท้องทะเลอ่าวไทย อยู่ไม่ไกลจากเกาะสมุยและเกาะพงัน มีเกาะน้อยใหญ่อยู่เป็นบริวารมากถึงกว่า 40 เกาะ โดยตามเกาะต่าง ๆ นั้น จะมีหาดทรายขาวสะอาดให้นักท่องเที่ยวไปไปเยือน หาดทรายบางแห่งหาดทรายมีสีขาวสะอาด บางเกาะมีแหล่งปะการังสีสันสวยงามหลากสีให้นักท่องเที่ยวได้ดำลงไปสำรวจอย่างตื่นตา และเนื่องจากหมู่เกาะอ่างทองมีธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ควรคุณค่าแก่การอนุรักษ์ จึงมีการประกาศให้หมู่เกาะอ่างทองเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2523 ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 21 ของประเทศไทย
ลักษณะภูมิประเทศ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองมีเนื้อที่ประมาณ 102 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 63,750 ไร่ ตั้งอยู่ในอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎ์ธานี ประกอบด้วยเกาะเล็กน้อยใหญ่ถึงกว่า 42 เกาะ โดยมีเกาะที่สำคัญ เช่น เกาะวัวตาหลับ เกาะสามเส้า เกาะแม่เกาะ เกาะพะลวย เกาะหินดับ เกาะไผ่เกาะวัวจิ๋ว เกาะวัวกันตัง เกาะลวก และเกาะคา เป็นต้น ลักษณะของเกาะส่วนมากเป็นภูเขาหินปูนที่มีความสูง 10 ถึง 400 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยภูเขาหินปูนเหล่านี้ จะเกิดการสึกกร่อนเปลี่ยนแปลงทั้งทางเคมี ทางกายภาพ และจากสภาพดินฟ้าอากาศ ทำให้เกิดรูปร่างของเกาะที่แปลกตาชวนหลงใหล บางแห่งมองดูคล้ายกับปราสาทหิน
ลักษณะภูมิอากาศ

เนื่องจากหมู่เกาะอ่างทองมีปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ย 2,000 มิลลิเมตรต่อปี อุณหภูมิเฉลี่ย 23 องศาเซลเซียส โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนธันวาคม เป็นช่วงที่มรสุมพัดผ่าน ทำให้เกิดฝนตกชุกคลื่นลมแรง ทางอุทยานแห่งชาติจึงกำหนดให้ช่วงนี้ เป็นช่วงปิดฤดูกาลท่องเที่ยว (1 พ.ย. – 23 ธ.ค. ของทุกปี) ส่วนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – สิงหาคม เป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ สภาพอากาศแม้จะร้อนแต่ไม่อบอ้าว เหมาะแก่การท่องเที่ยวยิ่งนัก
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ประกอบไปด้วยเกาะเล็กน้อยใหญ่จำนวนมากมาย ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีความสวยงามกระจายอยู่ทั่วไปดังนี้
1. เส้นทางศึกษาธรรมชาติ

มีเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเส้นทางศึกษาธรรมชาติทางบก ตั้งอยู่ที่อ่าวคา เกาะวัวตาหลับ มีระยะทางทั้งสิ้นกว่า 500 เมตร นักท่องเที่ยวจะได้ศึกษาพรรณไม้ สัตว์ป่า ที่พบได้ทั่วไปในบริเวณหมู่เกาะอ่างทอง

ส่วนเส้นทางศึกษาธรรมชาติทางเรือ โดยใช้เรือแคนู มีให้ศึกษาเลือกชม 2 เส้นทาง คือ บริเวณระหว่างชายหาดอ่าวคาไปจนถึงชายหาดหน้าทับ ซึ่งมีความยาวถึง 2.2 กิโลเมตร และอีกเส้นทางที่รอบ ๆ เกาะผี มีระยะทางประมาณ 600 เมตร

ส่วนการศึกษาธรรมชาติแบบดำผิวน้ำ จะมีให้บริการถึง 3 เส้นทาง เป็นการศึกษาธรรมชาติชีวิตสัตว์ใต้น้ำ มีแหล่งให้ดำผิวน้ำถึง 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณอ่าวคา เกาะวัวตาหลับ ระยะทาง 150 เมตร บริเวณเกาะท้ายเพลา ระยะทาง 200 เมตร และสุดท้ายที่บริเวณเกาะสามเส้า มีระยะทางให้ศึกษาประมาณ 150 เมตร
2. เกาะวัวตาหลับ

เกาะวัวตาหลับ เป็นเกาะที่ตั้งสำนักงานของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง บริเวณหน้าสำนักงานอุทยานเป็นหาดทรายที่มีทรายสีขาวสะอาด ซึ่งเหมาะกับการทำกิจกรรมสันทนาการ พักผ่อน และเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีจุดชมวิวที่อยู่บนยอดเขา ซึ่งมีความสูงประมาณ 500 เมตร นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นความสวยงามของหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งมีความอัศจรรย์และรูปร่างดูแปลกตา อีกทั้งไม่ไกลจากสำนักงาน ยังมีถ้ำบัวบก ซึ่งเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยดูงดงามแปลกตา รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้ไปชม
3. ทะเลใน

ทะเลในเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของหมู่เกาะอ่างทอง เป็นทะเลธรรมชาติที่อยู่ภายในเกาะแม่เกาะ ถือว่าเป็นทะเลในหนึ่งเดียวในประเทศไทย รอบ ๆ รายล้อมด้วยภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน ซึ่งเหมาะแก่การเก็บภาพความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
4. เกาะสามเส้า

เกาะสามเส้าเป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยงาม เนื้อทรายขาวละเอียด เหมาะแก่การพักผ่อน เล่นน้ำ และการตั้งแคมป์ค้างคืน นอกจากนี้ยังมีแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มองดูคล้ายกับสะพานหินที่ทอดยาวข้ามน้ำ ดูสวยงามแปลกตา และบริเวณเกาะสามเส้า ยังมีแนวปะการังที่สมบูรณ์ เหมาะแก่การดำน้ำศึกษาธรรมชาติ
5. เกาะท้ายเพลาและเกาะวัวกันตัง

ทั้งเกาะท้ายเพลาและเกาะวัวกันตัง เป็นอีกแห่งที่เหมาะแก่การพักผ่อน และนักท่องเที่ยวนิยมไปเยือน เนื่องจากมีแนวปะการังและชาดหาดที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อน
ที่พักและแหล่งอำนวยความสะดวก

ทางอุทยานแห่งชาติ มีที่พักบริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งบริเวณที่ทำการอุทยาน และบนเกาะวัวตาหลับ ราคา 500 – 1,400 บาท นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์ที่ลานกางเต็นท์ได้ ราคาหลังละ 200 – 300 บาท รวมถึงมีร้านอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงช่วงเย็น สำหรับใครที่ต้องการไปท่องเที่ยว และต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ 077-286-025 และ 077-280-222
การเดินทางไปยังหมู่เกาะอ่างทอง

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่หมู่เกาะอ่างทอง โดยใช้บริการเรือนำเที่ยวจากท่าเรือบ่อผุดหรือจากท่าเรือหน้าทอนบนเกาะสมุย ไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติ โดยออกเดินทางทุกวันเวลา 08.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจึงถึงหมู่เกาะอ่างทอง ส่วนขากลับจะกลับถึงท่าเรือหน้าทอนหรือท่าเรือบ่อผุดประมาณ 17.00 น.

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการบริษัททัวร์ โดยการซื้อแพ็คเกจทัวร์แบบ one-day trip ซึ่งจะออกจากเกาะสมุยเวลา 8.30 น. และจะกลับมาถึงเกาะสมุยในช่วงเย็น ประมาณ 17.00 น. รวมถึงยังสามารถเลือกได้ว่าจะค้างคืนที่หมู่เกาะอ่างทองหรือไม่

หมู่เกาะอ่างทองถือว่าเป็นหนึ่งในอัญมณีของท้องทะเลอ่าวไทย มีเกาะน้อยใหญ่ที่แต่ละเกาะต่างมีเอกลักษณ์และความสวยงามไม่แพ้กัน ซึ่งความสวยงามเหล่านี้กำลังรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสและเก็บความประทับใจไม่รู้ลืม

เกาะเต่า โลกใต้น้ำที่งดงามที่สุดของอ่าวไทย แหล่งท่องเที่ยวคลายร้อนที่ไม่ควรพลาด

สิงหาคม 15, 2553
ด้วยสภาพอากาศของเมืองไทยที่ร้อนจนแทบต้องอยู่หน้าพัดลมหรืออยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา สถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อนส่วนใหญ่จึงได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะเกาะเต่า เกาะเล็กๆ กลางอ่าวไทยที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเนื่องจากมีลักษณะเว้าเป็นอ่าว จึงทำให้เกาะเต่ามีอ่าวมากถึง 11 อ่าว และมีแหลมถึง 10 แหลมด้วยกัน แถมยังมีจุดน่าสนใจมากมายที่ทำให้ใครๆ ก็อยากมาเยือนดูสักครั้ง
จุดเด่นของเกาะเต่า

เกาะเต่า เป็นเกาะที่ขึ้นชื่อว่ามีโลกใต้น้ำที่งดงามที่สุดของอ่าวไทย จึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาดำน้ำชมปะการังและหมู่ปลาน้อยใหญ่ใต้น้ำมากที่สุด ทั้งยังมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศดีและเหมาะกับการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก และที่จะพลาดไม่ได้เลย ก็คือการมาชมวิวพระอาทิตย์ตกที่เกาะเต่านั่นเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่าเป็นภาพพระอาทิตย์ตกที่งดงามมากจริงๆ แถมยังมีบรรยากาศที่โรแมนติก เหมาะกับการมาเที่ยวชมกับคู่รักอีกด้วย
แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะเต่า

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะเต่าก็มีหลายแห่งด้วยกัน โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นอ่าว แหลม ชายหาดและจุดชมวิว ซึ่งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเต่าที่แนะนำดังนี้

    อ่าวแม่หาด: เป็นอ่าวที่มีความเจริญมากที่สุดบนเกาะเต่า โดยเรือจากทุกที่มักจะมาจอดที่อ่าวแห่งนี้เป็นหลัก ทั้งยังมีแหล่งชุมชน สถานที่ราชการและร้านค้าต่างๆ พร้อมให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอยู่บริเวณอ่าวแม่หาดอีกด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่อยากท่องเที่ยวแบบสะดวกสบาย มีร้านค้าครบครัน ก็ต้องมาที่อ่าวแม่หาดกันเลย
    สวนหิน จปร.: ที่นี่มีโขดหินรูปร่างประหลาด ที่ใครก็ต้องรู้สึกแปลกตาและทึ่งกับผลงานที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ซึ่งก็เหมาะกับการมาเดินเล่นและถ่ายรูปที่สุด และเนื่องจากที่นี่มีรอยจารึกถึงการประพาสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ชื่อว่าสวนหิน จปร. นั่นเอง
    จุดชมวิวจอห์น สุวรรณ: เป็นจุดชมวิวทางตอนใต้ของเกาะที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม โดยเมื่ออยู่บนยอดเขาจุดชมวิวแห่งนี้ จะสามารถมองเห็นหาดสองหาดที่ตีวงโค้งเข้าหากัน และมีสันเขากับแผ่นดินกั้นกลาง ซึ่งก็เป็นภาพที่ดูสวยงามและสะดุดตา ทั้งนี้จุดชมวิวแห่งนี้ก็ถูกค้นพบโดยสองเพื่อนรักนายสุวรรณและมิเตอร์จอห์น จึงเป็นที่มาของชื่อจุดชมวิวจอห์น สุวรรณ นั่นเอง เพราะฉะนั้นใครที่ชอบชมวิวสวยๆ ห้ามพลาด
    อ่าวเทียนออก: อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวบนเกาะเต่าที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อ่าวเทียนออกแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นอ่าวที่กว้างใหญ่และมีความโค้งของอ่าวอย่างสวยงาม แถมยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นปลาฉลามหูดำได้ง่าย และนอกจากนี้ก็มีร้านอาหารและที่พักสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน
    อ่าวลึก: อ่าวขนาดเล็กที่ถูกโอบล้อมไปด้วยหน้าผาและมีโขดหินมากมาย เหมาะกับการนั่งเล่น ว่ายน้ำและการดำน้ำสำหรับมือใหม่ที่สุด หรือจะให้อาหารปลาก็ได้เหมือนกัน แถมบรรยากาศก็มีความเย็นสบาย เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน

กิจกรรมที่นิยมทำ

กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมทำ เมื่อมาเที่ยวเกาะเต่า มีดังนี้

    การดำน้ำชมปะการัง: เพราะเกาะเต่าขึ้นชื่อว่ามีโลกใต้น้ำที่สวยงามและโดดเด่นที่สุดของอ่าวไทย ดังนั้นกิจกรรมที่จะพลาดไม่ได้ก็คือการดำน้ำชมปะการังนั่นเอง ซึ่งที่เกาะเต่าก็มีทั้งจุดดำน้ำตื้นและจุดดำน้ำลึก ส่วนบริเวณที่เหมาะกับการดำน้ำชมปะการังมากที่สุด ก็ได้แก่ อ่าวโตนด อ่าวลึก แหลมเทียน เกาะฉลามและอ่าวหินวง นั่นเอง
    ขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเกาะ: บนเกาะเต่า มีบริการให้เช่ามอเตอร์ไซค์สำหรับขับเที่ยวรอบเกาะ ซึ่งมีราคาไม่แพง สามารถขับเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมักจะไม่พลาดการขับรถเที่ยวรอบเกาะ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากขับรถเองหรือไม่ค่อยชำนาญการขับรถมากนัก ก็สามารถใช้บริการรถสองแถวแทนได้เหมือนกัน

เรื่องควรรู้เมื่อไปเที่ยวเกาะเต่า

    ที่อ่าวแม่หาดจะมีรถสองแถวให้นักท่องเที่ยวสามารถเหมาไปเที่ยวตามหาดอื่นๆ ได้ โดยคิดค่าบริการที่ประมาณ 50–100 บาท โดยขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไปด้วย
    มีรถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าสำหรับขับเที่ยวรอบเกาะ ในราคา 150–200 บาทต่อวัน และยังมีรถมอเตอร์ไซค์แบบวิบากและโฟร์วิวให้เช่า สำหรับการขับไปยังเส้นทางที่มีความชันและวิบากมาก
    ที่อ่าวแม่หาดมีเรือหางยาวให้เหมาเพื่อไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ ซึ่งกรณีที่เหมาทั้งวันโดยมีโปรแกรมไปเที่ยวตามหาดและไปดำน้ำตามจุดต่างๆ จะมีค่าบริการประมาณ 3000 – 5000 บาท
    ที่พักบนเกาะเต่า ควรจองล่วงหน้าก่อนไปเที่ยว เพราะที่พักอาจเต็มได้

เกาะเต่าเป็นเกาะที่มีความสวยงามและบรรยากาศดี เหมาะกับการท่องเที่ยวเพื่อคลายร้อน แถมยังสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาลเพราะฉะนั้นหน้าร้อนนี้มาพาครอบครัวหรือเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลที่เกาะเต่ากันดีกว่า โดยสามารถเดินทางไปเกาะเต่าได้ทั้งจากท่าเรือในจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี

น้ำตกแปดเซียน สัมผัสความงาม ที่เที่ยวสุดฟินแห่งเมืองสุราษฯ

สิงหาคม 14, 2553
“เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” แค่วลีแรกที่ว่า “เมืองร้อยเกาะ” หลายคนก็น่าจะนึกออก ว่านี่เป็นคำขวัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกติดกับท้องทะเลอ่าวไทย แต่จริง ๆ แล้วสุราษฎร์ธานีไม่ได้มีแค่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเท่านั้น แต่ยังมีภูเขา ป่าไม้ และน้ำตก นอกจากนี้ เขื่อนเชี่ยวหลาน ก็นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เลื่องชื่อ และรอให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสไม่ขาดสาย
เขื่อนเชี่ยวหลาน แหล่งทัศนียภาพงดงามที่น่าประทับใจ

เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือ เขื่อนรัชชประภา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ขนาดใหญ่แห่งที่ 2 ของภาคใต้ เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ ตลอดจนเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทานและการเพาะปลูก นอกจากนี้ ช่วยป้องกันน้ำท่วม ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม เป็นแหล่งทำประมงน้ำจืดที่สำคัญของผู้คนแถบนี้ อีกทั้งยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ดีไม่น้อย

เขื่อนเชี่ยวหลาน มีอ่างเก็บน้ำที่มีทัศนียภาพโดยรอบสวยงาม ห้อมล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี มีภูเขาที่เป็นภูเขาหินปูนน้อยใหญ่มากมาย บางแห่งก็โผล่พ้นจากผืนน้ำ ทำให้สถานที่แห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” อีกทั้งเขื่อนเชี่ยวหลานยังเหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนของครอบครัว นอกจากนี้ การมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนเกินไป นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสเห็นหมอกจาง ๆ ปกคลุมอยู่เหนือท้องน้ำและภูเขารอบ ๆ อ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจอย่างยิ่ง
น้ำตกแปดเซียน น้ำตกสวยที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางภูเขา

การได้มาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน กิจกรรมหลักที่คนส่วนมากมักจะทำกัน นั่นก็คงไม่พ้นการล่องแพ เล่นน้ำ หรือพายเรืออยู่ในอ่างเก็บน้ำ แต่หากได้มาเปลี่ยนบรรยากาศอย่างการนั่งเรือไปเที่ยวน้ำตกแปดเซียน ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม และเป็นน้ำตกหนึ่งเดียวบนยอดเขา ที่หลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผืนป่าดงดิบที่รายล้อมด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกตื่นตาและประทับใจมากยิ่งขึ้น

น้ำตกแปดเซียนอยู่ไม่ไกลจากแพ 500 ไร่ ซึ่งแพ 500 ไร่ถือเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของเขื่อนเชี่ยวหลาน โดยนั่งเรือไปแค่ 20 นาที ก็เข้าถึงตัวน้ำตกที่หลบซ่อนอยู่ได้แล้ว และเมื่อนั่งเรือไปถึงบริเวณน้ำตก ก็จะเห็นน้ำตกเล็ก ๆ น้ำใส ไหลลงมาจากภูเขา มองดูคล้ายกับน้ำทะลักลงมาจากภูเขา ซึ่งปริมาณน้ำของน้ำตกก็จะมากน้อยแล้วแต่ช่วงเวลา แต่หากเป็นช่วงที่มีฝนตก น้ำก็จะเยอะเป็นพิเศษ

นอกจากได้ชมความสวยงามของน้ำตกแปดเซียนด้านล่างแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินขึ้นไปด้านบนภูเขา เพื่อไปชมน้ำตกที่ด้านบนได้ โดยใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 60 นาที และต้องมีการปีนขึ้นเขาในบางจุด พร้อมกันนี้อาจต้องมีการปีนป่ายน้ำตกด้วยเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นภูเขาหินปูน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปด้านบนได้ไม่ยากเกินไปนัก ระหว่างทางที่ปีนขึ้นไปด้านบน นักท่องเที่ยวอาจสังเกตเห็นว่าจากน้ำตกที่มีขนาดเล็ก ๆ ก็จะเริ่มขยายมีขนาดใหญ่ขึ้น อีกทั้งสายน้ำตกยังมีน้ำที่เย็นเฉียบ บางช่วงของน้ำตกจะเป็นแอ่งน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนอนแช่หรือเล่นได้ นอกจากจะสร้างความสนุกสนานให้กับการผจญภัยแล้ว ยังเป็นสายน้ำที่ช่วยดับร้อนและความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้บางจุดยังเหมาะแก่การถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

เมื่อเดินขึ้นถึงด้านบน ก็จะได้เจอกับทัศนียภาพที่สวยงาม มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งความเย็นและความใสสะอาด เปรียบเสมือนกับอ่างจากุซซี่ที่ห้อมล้อมไปด้วยผืนป่าและแมกไม้ธรรมชาติ ทำให้ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินขึ้นไปได้เป็นอย่างดี

แต่บ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวอาจไม่มีเวลามากนัก จึงไม่สามารถเดินขึ้นไปชมด้านบนสุดของน้ำตกแปดเซียนได้ แต่สามารถปีนมาแค่ใกล้ ๆ ก็จะได้ชื่นชมกับสวยงามของสายน้ำและพืชพรรณต่าง ๆ พร้อมกันนี้ ในกรณีที่ต้องการเที่ยวชมน้ำตกแปดเซียนอย่างคุ้มค่าที่สุด และได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติและความสวยงามอย่างเต็มที่ แนะนำว่าควรเตรียมเวลาสำหรับน้ำตกแปดเซียนโดยเฉพาะไว้สักครึ่งวัน จะได้มีเวลาสำหรับการถ่ายรูป เล่นน้ำ หรือนั่งพัก ไม่ต้องรีบร้อน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบและเดินเที่ยวไม่สนุกได้
กิจกรรมที่เขื่อนเชี่ยวหลาน

นอกจากการชมทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำ และการไปเที่ยวน้ำตกแปดเซียนแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถล่องเรือเข้าไปเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสงที่อยู่ในผืนป่าลึก ซึ่งผืนน้ำจะเป็นสีเขียวมรกตน่าชม มีสัตว์ป่าที่หลากหลาย และหลายชนิดเป็นสัตว์ที่หาชมได้ยาก จึงทำให้ผืนป่าแห่งนี้เป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสมบูรณ์ของโลก และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นจูราสิกพาร์ค
การเดินทางมายังเขื่อนเชี่ยวหลาน

เดินทางสู่ภาคใต้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 จากนั้นต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 41 เมื่อสังเกตเห็นโรงพยาบาลท่าโรงช้างด้านขวา หรือช่วงหลักกิโลเมตรที่ 18 ให้เลี้ยวขวาใต้สะพานยกระดับเพื่อมุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 401 ขับไปเรื่อย ๆ จะสังเกตเห็นโรงเรียนบ้านตาชุนวิทยาทางด้านซ้าย ขับต่อไปอีก 2 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าเขื่อนรัชชประภา หากใช้บริการรถประจำทางจากกรุงเทพฯ ให้นั่งรถสายกรุงเทพฯ-บ้านเขาต่อ-พังงา หรือสายกรุงเทพฯ-ภูเก็ต แล้วลงที่บ้านตาขุน ก็จะสามารถมาที่เขื่อนรัชชประภาได้โดยง่าย

เขื่อนเชี่ยวหลานหรือเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเขื่อนที่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม รายล้อมด้วยภูเขาหินปูน นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังได้สัมผัสกับน้ำตกแปดเซียน ที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาท่ามกลางผืนป่าดงดิบที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ได้อย่างเต็มอิ่ม รับรองว่าการเดินทางมาเที่ยวชมความงามในสถานที่แห่งนี้จะทำให้ไม่ผิดหวังกลับไป

เงาะโรงเรียน หวานกรอบ ดีที่สุดในโลก ของอร่อยเมืองสุราษฎร์ธานี ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

สิงหาคม 11, 2553
เงาะโรงเรียน ขึ้นชื่อในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเป็นเงาะพันธุ์โรงเรียนที่ดีที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดของเงาะสายพันธุ์นี้อยู่ที่โรงเรียนนาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้มีการนำเมล็ดจากต้นแม่พันธุ์ที่มีเพียงต้นเดียวมาปลูกนั่นเอง โดยเงาะได้ถูกจัดเป็นผลไม้เมืองร้อนชนิดหนึ่งที่มีอายุมานานหลายปี และสามารถเก็บผลผลิตได้ตั้งแต่ออกดอกจนกระทั่งผลแก่ นอกจากนี้ก็ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งการนำมาทานสดๆ นำมาทำเงาะแช่อิ่มเชื่อม ทำแยมหรือใช้ไขของเงาะในการทำสบู่ เป็นต้น แถมรากและเปลือกของเงาะก็สามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรได้ด้วย
ที่มาของเงาะโรงเรียน

เงาะถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของบ้านนาสาร และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยความเป็นมาของเงาะโรงเรียน มีเรื่องเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ.2468 ได้มีชาวมาเล เชื้อสายจีนชื่อว่านายเค วอง เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อที่จะทำเหมืองแร่ดีบุกที่ตำบลนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และได้นำเมล็ดเงาะมาปลูกไว้ใกล้กับที่พักของตน เพื่อเก็บกินในระหว่างที่ทำเหมืองอยู่ในประเทศไทย โดยจากต้นเงาะที่ปลูกขึ้นมา พบว่ามีต้นเงาะต้นหนึ่งที่มีลักษณะต่างไปจากเงาะต้นอื่นๆ คือมีเนื้อกรอบ หวาน เปลือกบางและมีรูปร่างค่อนข้างกลม ทั้งยังมีกลิ่นหอมน่าทาน ต่อมาจึงได้มีการรู้จักและปลูกกันอย่างแพร่หลาย
ประวัติความเป็นมา

จากที่มาของเงาะโรงเรียน เริ่มจากนายเค วอง ได้เข้ามาทำกิจการเหมืองแร่ดีบุกที่นาสาร และได้ทำการปลูกเงาะขึ้นใกล้กับบริเวณที่พักซึ่งอยู่ริมทางรถไฟ ซึ่งเริ่มแรกนั้นนายเค วอง เพียงแค่นำเงาะพื้นเมืองของปีนังมานั่งรับประทานตามปกติ จากนั้นก็ทิ้งเมล็ดลงบนพื้นดิน และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของดินบริเวณดังกล่าว จึงทำให้เมล็ดที่ถูกทิ้งงอกขึ้นมาเป็นต้นเงาะประมาณ 3 ต้น หลังจากนั้นเมื่อนายเค วอง ได้เลิกกิจการเหมืองแร่แล้ว ก็ได้ทำการขายที่ดินพร้อมกับบ้านพักให้กับทางราชการของไทย และต่อมาก็ได้มีการทำเป็นโรงเรียนขึ้นมา โดยชื่อว่าโรงเรียนนาสาร ซึ่งระหว่างนั้นต้นเงาะก็ได้เจริญเติบโตใหญ่ขึ้นและออกดอกออกผลและมีต้นหนึ่งที่แปลกไปจากต้นอื่นๆ คือมีผลค่อนข้างกลม เนื้อกรอบ หวานอร่อย จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ในเวลาต่อมาชาวนาสารก็ได้นำเมล็ดพันธุ์ของต้นเงาะดังกล่าวไปปลูกขยายพันธุ์กันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่รู้จักกันทั่วในปัจจุบัน และเนื่องจากเงาะสายพันธุ์นี้มีแหล่งกำเนิดอยู่ในโรงเรียนนาสาร จึงได้มีการใช้ชื่อว่า “เงาะโรงเรียน” ต่อมาในปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ก็ได้เสด็จไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายชัช อุตตมางกูร ก็ได้ทูลเกล้าถวายผลเงาะโรงเรียนและขอพระราชทานชื่อพันธุ์เงาะใหม่ ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงได้มีพระราชดำรัสว่า ชื่อเงาะโรงเรียนดีอยู่แล้ว เงาะสายพันธุ์นี้จึงมีชื่อว่าเงาะโรงเรียนอย่างเป็นทางการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และยังมีการจัดงานวันเงาะโรงเรียนขึ้นในทุกปี เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกด้วย
พิธีการทำขวัญเงาะ

เนื่องจากเงาะมีราคาตกต่ำ และในบางฤดูก็ประสบภัยแล้งจนทำให้เงาะขาดแคลนน้ำจนเกิดการเฉาตายและผลเจริญไม่เต็มที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกษตรกรเกิดการเสียขวัญอย่างหนัก ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเกษตรกร ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2546 จึงได้มีการจัดพิธีการทำขวัญเงาะขึ้นมา ณ บริเวณโรงเรียนนาสาร ซึ่งเป็นที่กำเนิดของเงาะโรงเรียนต้นแรก โดยยึดเอาแนวคิดแบบการทำพิธีทำขวัญข้าวเป็นแบบอย่าง ส่วนขั้นตอนในการทำขวัญเงาะ จะเริ่มจากการอัญเชิญแม่พระผลาหาร ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเทพธิดาอันศักดิ์สิทธิ์มาร่วมพิธี และจะทำพิธีโดยแบ่งออกเป็นช่วงกลางวันกับกลางคืน โดยกลางวันจะทำพิธีที่หน้าศาลเพียงตาเพื่อเบิกแม่ธรณี ซึ่งมีเครื่องบวงสรวงได้แก่

    ธูป 21 ดอก
    มะพร้าวอ่อน 1 ลูก
    เทียนไข 6 เล่ม ให้มัดเป็นกำ
    สาคูน้ำแดง 5 ถ้วย
    หมากพลู 5 คำ
    กล้วยน้ำว้า 1 หวี

ตามขั้นตอนจะทำการจุดธูปเพื่อชุมนุมเทวดา จากนั้นถวายอาหารและเครื่องบวงสรวงที่ได้เตรียมไว้ ตามด้วยสวดร้อยกรองบาลี บทพระปริตรลงด้วยเมตตาใหญ่ ส่งเทวดาด้วยบททุกขนัดตตา สัพเพพุทธา มหากาชยันโต เสร็จแล้วให้ลาเครื่องบวงสรวงลงมา แล้วตักอาหารใส่กระทงวางไว้หน้างาน เมื่อถึงตอนกลางคืน จะมีการไหว้ครูหมอขวัญ แนะนำตัวหมอ เบิกแม่ธรณีและจุดธูปชุมนุมเทวดา ตามด้วยพิธีทำขวัญ รับขวัญ เชิญเงาะโรงเรียนและขอพรเทวดา อวยพรร่วมงาน ปิดท้ายด้วยการสวดร้อยกรองบาลี

ทำไมต้อง ไข่เค็มไชยา (ของฝากขึ้นชื่อ) จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สิงหาคม 10, 2553
เมื่อพูดถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกจากจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว และเกาะน้อยใหญ่ที่น่าสนใจแล้ว ก็มักจะนึกถึงไข่เค็มไชยามาเป็นอันดับแรก ซึ่งก็เป็นของฝากที่ขึ้นชื่อในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ไข่เค็มไชยามีความแตกต่างจากไข่เค็มทั่วไปอย่างไร และทำไมจึงเป็นของฝากขึ้นชื่อที่ทำให้นักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาดที่จะซื้อติดมือกลับไปเสมอ สามารถไปดูข้อมูลได้ดังนี้
ความเป็นมาของ ไข่เค็มไชยา

ประวัติความเป็นมาของไข่เค็มไชยา มีเรื่องเล่าว่า ไข่เค็มไชยาเกิดขึ้นในสมัยที่รัฐบาลกำลังสร้างทางรถไฟสายใต้ โดยมีนายจี่แซ่ซิก ที่ทำหน้าที่สร้างสะพานเหล็กตั้งแต่ชุมพร-สุราษฎร์ธานีเป็นผู้คิดค้นสูตรการทำไข่เค็มขึ้นมา ซึ่งแต่เดิมนั้นชาวไชยาก็ได้มีการนำไข่เป็ดมาหมักเพื่อให้มีรสชาติเค็มอยู่แล้ว แต่ไม่อร่อย โดยนายจี่ แซ่ซิก และครอบครัวก็ได้คิดค้นโดยการนำเอาดินเหนียวมาผสมกับเกลือป่น จากนั้นนำดินเหนียวมาพอกหุ้มไข่เป็ดเอาไว้จนมิด แล้วนำไปคลุกกับขี้เถ้าอีกที จึงได้ไข่เค็มที่มีรสชาติอร่อยและดีกว่าเดิม แต่เนื่องจากดินเหนียวเกาะไข่ได้ไม่นานนัก จึงได้มีการนำเอาดินปลวกมาใช้แทน พบว่าไข่เค็มมีรสชาติอร่อยและพอดีมากกว่าเดิม แถมยังนำมาขายได้ดีและเป็นที่ชื่นชอบของชาวไชยา

โดยในเวลาต่อมาชาวบ้านในตลาดไชยา ก็ได้นำเอาสูตรของนายจี่ แซ่ซิก มาใช้ทำไข่เค็มไว้ทานเองและขายกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเมื่อมีนักท่องเที่ยวผ่านมา แล้วแวะซื้อไปทาน ก็เกิดความติดใจและบอกต่อกันจนทำให้ไข่เค็มไชยากลายเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อมากที่สุด และได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
ไข่เค็มไชยามีความพิเศษอย่างไร

ด้วยความพิเศษของไข่เค็มไชยา ที่ไม่เหมือนกับไข่เค็มทั่วไป จึงได้รับความนิยม โดยความพิเศษของไข่เค็มไชยาก็มีดังนี้

    มีรสชาติความเค็มที่พอเหมาะ ไม่เค็มหรือจืดจนเกินไป ซึ่งต่างจากไข่เค็มแบบอื่น ที่มักจะมีรสชาติไม่อร่อยและไม่ค่อยโดนใจมากนัก
    มีการแปรรูปมาจากไข่เป็ดสด ที่ได้มีการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ทำให้ได้ไข่เป็ดที่มีคุณภาพ และนำมาทำไข่เค็มได้อย่างอร่อยกลมกล่อม
    สามารถเก็บไว้ได้นาน โดยไม่ต้องกลัวเสีย เพราะด้วยการผลิตจากกรรมวิธีธรรมชาติที่ใช้หลักการถนอมอาหาร จึงทำให้ไข่เค็มเก็บไว้เป็นเวลานานยิ่งขึ้น
    ไข่ดูสวยน่าทาน โดยไข่แดงจะจับกันเป็นก้อน มีความอร่อยใจใครก็ต้องติดใจ
    สามารถทอดเป็นไข่ดาว หรือนำมาต้มก็ได้ ซึ่งต่างจากไข่เค็มทั่วไป ที่มักจะมาในรูปแบบไข่ที่ต้มเรียบร้อยแล้ว โดยไข่เค็มที่นำมาทอดก็มีความอร่อยไม่แพ้กับไข่เค็มที่นำมาต้ม

วิธีทำไข่เค็มไชยา

สำหรับใครที่ต้องการทำไข่เค็มด้วยตนเองก็สามารถทำได้ โดยมีสูตรสำหรับทำไข่เค็มไชยาดังนี้
สิ่งที่ต้องเตรียม

    ไข่เป็ด โดยคัดเอาขนาดเบอร์ 1 ซึ่งไข่จะต้องมีคุณภาพดี สดใหม่ เปลือกหนา และมีรูทรงกลมเรียว เพื่อที่เวลาทำจะได้ไม่แตกร้าวได้ง่าย
    ดินจอมปลวก เพราะเป็นดินที่สามารถจับเกาะไข่ได้ดี และยังทำให้ไข่เค็มมีรสชาติอร่อย
    เกลือ เพื่อใช้ในการหมักให้ไข่มีรสเค็ม
    ขี้เถ้าแกลบ จะช่วยให้ดินเกาะไข่ได้นานนึง และทำให้ไข่เค็มมีรสชาติดีกว่าเดิม

วิธีการทำ

การทำไข่เค็มไชยา ให้นำไข่เป็ดที่เตรียมไว้มาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นเตรียมดินให้พร้อม โดยการนำดินจอมปลวกมาผสมคลุกเคล้ากับเกลือและน้ำเล็กน้อยจนเข้ากัน แล้วนำไข่เป็ดลงไปจุ่มในดินที่เตรียมไว้ โดยให้คลุกจนดินเคลือบทั่วฟองไข่และมีความหนามากพอ นำไปคลุกกับขี้เถ้าแกลบอีกที จากนั้นรอเวลา ไข่เป็ดก็จะกลายเป็นไข่เค็มที่มีรสชาติอร่อยและน่าทานทันที สำหรับระยะเวลาในการหมักไข่เค็มก็มีกำหนดดังนี้

    หมักไข่เค็ม 1-5 วัน สามารถนำมาใช้ต้มไข่หวานได้
    หมักไข่เค็ม 3-7 วัน นำมาทอดไข่ดาว
    หมักไข่เค็ม 10-15 วัน นำมาทำไข่ต้ม
    หมักไข่เค็ม 15-20 วัน สามารถนำมาทำยำไข่เค็มหรือทำไส้ขนมได้

ประโยชน์ของไข่เค็ม

สำหรับประโยชน์ของไข่เค็มก็มีดังนี้

    อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินเป็นจำนวนมาก จึงช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตได้ดีอย่างสมวัยของลูกรักได้ดี
    ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมได้ เพียงทานไข่เค็มไชยาบ่อยๆ เท่านั้น
    เต็มไปด้วยโคลีนที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและการทำงานของระบบประสาท ให้ทำงานได้ดีขึ้น
    สามารถนำมาทำอาหารได้อย่างหลากหลาย

ไข่เค็มไชยา เป็นของฝากขึ้นชื่อในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่หากใครมาเที่ยวก็จะต้องนึกถึงไข่เค็มไชยาก่อนเสมอ โดยในปัจจุบันไข่เค็มไชยาก็มีรสชาติที่อร่อยและยังคงได้รับความนิยมอยู่เท่าทุกวันนี้ แถมยังมีตัวแทนนำไปขายทั่วประเทศ จึงสามารถซื้อได้ทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องมาซื้อที่ไชยาเท่านั้น แต่ใครที่มาเที่ยวสุราษฯ ก็อย่าลืมซื้อติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านกันด้วย

 รูปภาพไข่เค็มไชยา

สนุกไปกับ Full Moon Party บนเกาะพงัน แหล่งท่องเที่ยวหลากสีสัน สวรรค์ชาวไทยและต่างชาติ

สิงหาคม 04, 2553
Full moon party การจัดกิจกรรมปาร์ตี้สุดสนุกบนเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็คุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากจะมีปาร์ตี้สุดสนุกและกิจกรรมให้ทำมากมายแล้ว ก็มีการจัดฟูลมูนปาร์ตี้ให้ได้เที่ยวกันตลอดทั้งปีทุกวันพระจันทร์เต็มดวง เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่อยากสัมผัสกับปาร์ตี้ริมชายหาดห้ามพลาดที่จะแวะมาเที่ยวเด็ดขาด
ความเป็นมาของฟูลมูนปาร์ตี้

จุดเริ่มต้นของการจัดกิจกรรม Full moon party ไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่เชื่อว่าน่าจะเริ่มต้นมาจากเมื่อปี พ.ศ. 2528 เนื่องจากมีการจัดงานเลี้ยงส่งขอบคุณนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งประมาณ 20–30 คน ที่หาดริ้นเกาะพงัน ซึ่งตรงกับคืนที่พระจันทร์เต็มดวงพอดี ทำให้เห็นถึงความงดงามของชายหาดและทะเลที่แสงจันทร์ส่องลงมากระทบ ส่งผลให้หลายคนมีความเห็นตรงกันว่าที่หาดริ้นแห่งนี้ในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหมาะที่จะจัดปาร์ตี้เป็นอย่างมาก จากนั้นจึงได้มีการบอกต่อกันปากต่อปากอย่างรวดเร็ว จนในปัจจุบันนี้มีผู้เข้าร่วมฟูลมูนปาร์ตี้มากถึง 20,000–30,000 คนต่อครั้ง
ช่วงเวลาในการจัดฟูลมูนปาร์ตี้

สำหรับช่วงเวลาในการจัดฟูลมูนปาร์ตี้ จะจัดขึ้นทุกวันที่พระจันทร์เต็มดวง ดังนั้นจึงมีการจัด Full moon party ตลอดทั้งปี ซึ่งก็จะเริ่มงานตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม่นั่นเอง โดยสำหรับปี 2018 ที่จะถึงนี้ ก็มีตารางการจัดฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงันดังนี้

    เดือนมกราคม วันที่ 2 และวันที่ 31
    เดือนมีนาคม วันที่ 2 และวันที่ 31
    เดือนเมษายน วันที่ 29
    เดือนพฤษภาคม วันที่ 30
    เดือนมิถุนายน วันที่ 27
    เดือนกรกฎาคม วันที่ 29
    เดือนสิงหาคม วันที่ 26
    เดือนกันยายน วันที่ 24
    เดือนตุลาคม วันที่ 25
    เดือนพฤศจิกายน วันที่ 22
    เดือนธันวาคม วันที่ 25 และ 31

กิจกรรมที่ทำในงาน Full moon party

เนื่องจากงาน Full moon party เป็นงานสังสรรค์ที่มีความอลังการและถือเป็นงานที่มีชื่อเสียงระดับโลก จึงมักจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเสมอ ทำให้ที่นี่มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
1. เล่นน้ำทะเลและนอนอาบแดด

สำหรับใครที่มาถึงหาดริ้น เกาะพงันเร็วสักหน่อย ก็มักจะสนุกกับการเล่นน้ำและนอนอาบแดด ก่อนที่จะสนุกอย่างเต็มที่เมื่อปาร์ตี้ฟูลมูนมาถึงในยามค่ำคืน ซึ่งก็ถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะไม่พลาด หรือแม้แต่ในยามค่ำคืนที่อยู่ระหว่างการจัดปาร์ตี้ ก็ยังมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มออกมาเล่นน้ำหรือเดินเล่นตามชายหาดเช่นกัน
2. ช้อปแอนด์ชิลริมหาด

แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ก็ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจ โดยเฉพาะร้ายขายเครื่องดื่มที่ถือเป็นไฮไลท์หลักของที่นี่ นอกจากนี้ก็มีร้านอาหารอร่อยมากมาย ที่หากใครรู้สึกหิวยามดึกก็สามารถแวะมาทานอาหารกันก่อนได้ แต่ก็ต้องทำใจนิดนึง เพราะคนหนาแน่นมาก
3. แดนซ์กระจายหน้าหาด

ขึ้นชื่อว่างานปาร์ตี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเสียงเพลง โดยที่หน้าหาดริ้นจะมีการจัดเวที เปิดเพลงดังลั่นทั่วทิศให้นักท่องเที่ยวได้มาแดนซ์กันแบบกระจาย ซึ่งตอนช่วงค่ำจะมีการเก็บค่าผ่านทาง 100 บาท เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น สำหรับคนไทยก็สามารถเข้าชมแบบฟรีๆ และที่สำคัญอย่าลืมเพ้นท์หน้าเพ้นท์ตัวก่อนเข้าไปร่วมสนุกด้วย เพราะถือเป็นเอกลักษณ์ของการมาเที่ยวฟูลมูน
4. ชมการแสดงโชว์สุดทึ่ง

นอกจากการแดนซ์กระจายแล้ว ที่งาน Full moon party ก็มีการแสดงโชว์บริเวณรอบหาดให้ได้ชมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การกระโดดเชือกไฟ การควงกระบองไฟ หรือการจุดพลุ ซึ่งก็มีความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงัน

เหตุผลที่ต้องไปเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงัน นั่นก็เพราะได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ และผูกสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวไทยกับชาวต่างชาติ แถมยังเป็นการท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายอย่างหนึ่ง อาจเรียกได้ว่าเป็นสีสันอย่างหนึ่งของชีวิต เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ยังไม่เคยไป ก็อย่าพลาดที่จะลองแวะไปเที่ยวเด็ดขาด
สิ่งที่ต้องระวังเมื่อไปเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้

สำหรับสิ่งที่ต้องระมัดระวังเมื่อไปเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้ก็มีดังนี้

    อย่าดื่มเครื่องดื่มหรืออะไรก็ตามที่คนไม่รู้จักนำมาให้ เพราะผู้ที่นำมาให้อาจมีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่ โดยเฉพาะผู้หญิงต้องระวังตัวเองมากที่สุด
    อย่าดื่มเครื่องดื่มจนมึนเมา ขาดสติ เพราะในงานฟูลมูนมีผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่รู้จัก อาจถูกพาไปทำมิดีมิร้ายหรือโดยขโมยทรัพย์สินไปโดยไม่รู้ตัว
    ดูแลทรัพย์สินของตนเองให้ดี โดยอย่าพกติดตัวไปมาก ควรเก็บไว้ที่ห้องพักหรือฝากไว้ที่เคาท์เตอร์พนักงานของห้องพักจะดีที่สุด เพราะบางครั้งการเก็บไว้ในห้องพักก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป
    พยายามอย่าห่างจากกลุ่มเพื่อน เกาะกลุ่มกันไว้ดีที่สุด
    หากถูกลวนลาม ควรร้องให้คนช่วยทันที เพราะในงานจะมีตำรวจคอยเดินตรวจอยู่เต็มไปหมด แค่ร้องให้ดังๆ เท่านั้น

Full moon party ที่หาดริ้น บนเกาะพงัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆ ที่จะพลาดไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากมีโอกาสควรจะลองไปเที่ยวดูสักครั้ง แต่แนะนำให้ไปกับกลุ่มเพื่อนและเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเซฟเรื่องความปลอดภัยของตัวเองให้มากที่สุด

 รูปภาพFull Moon Party

ของดีจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนี้ มีอะไรน่ากิน ของฝาก ของเด่น ของดัง

สิงหาคม 02, 2553
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นชื่อว่ามีของดีมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล หรืออาหารเก่าแก่มากมายที่เลื่องชื่อและได้รับความนิยม โดยเฉพาะอาหารและของดีในตำนาน ที่ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนก็ต้องหามาให้ได้ ซึ่งมีของดีดังนี้
ผลิตภัณฑ์จากใบยางพารา

เป็นของดีในอำเภอบ้านนาสาร ซึ่งได้มีการนำใบยางพารามาประดิษฐ์และแปรรูปให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะของตกแต่ง เช่น ดอกไม้ และผีเสื้อ เป็นต้น มีจำหน่ายที่กลุ่มแม่บ้านเกษตรอำเภอบ้านนาสารโดยตรง
หอยนางรม

หอยนางรม อาหารทะเลที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความสดอร่อย ตัวใหญ่ รสหวานและเนื้อในขาว ทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วย โดยในปี พ.ศ. 2504 ได้มีการทดลองเลี้ยงหอยนางรมที่แหลมซุย อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และในเวลาต่อมาก็ได้มีการเพาะเลี้ยงที่บริเวณปากคลองท่าทองและปากคลองกะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ ซึ่งหอมนางรมที่ได้ทำการทดลองเพาะเลี้ยงขึ้นมาก็มี 2 ชนิดคือ ชนิดพันธุ์เล็กหรือเรียกอีกชื่อว่าหอยเจาะ และชนิดพันธุ์ใหญ่ หรือเรียกว่าหอนตะโกรม ส่วนใหญ่มักจะพบบริเวณน้ำตื้นชายฝั่ง และพบมากในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน
ผลิตภัณฑ์จากกระจูด

กระจูดเป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่พบได้มากในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและสามารถนำมาทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งกระจูดจะมีลำต้นกลมสีเขียวอ่อน ดินสอดำ สูงประมาณ 1-2 เมตร เมื่อออกดอกจะเป็นกระจุกแน่นคล้ายกับดอกกระเทียม โดยส่วนใหญ่จะนิยมขึ้นบริเวณน้ำท่วมขังหรือป่าพรุ ซึ่งต้นกระจูด เมื่อนำไปผึ้งแดดให้แห้งสนิท ก็จะมีความแข็งทน สามารถนำมาผลิตเป็นงานจักสานต่างๆ ได้ เช่นเสื่อกระจูด สำหรับปูรองนั่ง โดยการสานเสื่อกระจูด ส่วนใหญ่จะนิยมสานเป็นลวดลายขัดสองหรือลายขัดสาม โดยถือเป็นลายมาตรฐานที่นิยมสานมากที่สุดในปัจจุบันนั่นเอง นอกจากนี้ก็อาจจะมีการดัดแปลงลวดลายอื่นๆ บ้าง เช่น ลายลูกแก้ว ลายดอกจันทร์ ลายดาวล้อมเดือน ลายโคม ลายก้านต่อดอก ลายตัวหนังสือหรือลายแก้วบ้านดอน เป็นต้น และนอกจากการนำต้นกระจูดมาทำเสื่อแล้ว ก็สามารถนำไปทำสายกระเป๋าเครื่องใช้ต่างๆ ทำเชือกสำหรับผูกมัดหรือทำใบเรือได้อีกด้วย
สะตอ

อาหารพื้นเมืองปักษ์ใต้ ที่มีกลิ่นเหม็นเขียวรุนแรง แต่ก็ได้รับความนิยมในการนำมารับประทานไม่น้อย โดยเฉพาะการทานสดๆ กับน้ำพริก หรือการนำมาประกอบอาหารเป็นเมนูต่างๆ และเนื่องจากสะตอมีกลิ่นแรง ดังนั้นชาวพื้นเมืองจึงมักจะทานมะเขือเปราะตามประมาณ 2-3 ลูกหลังจากทานสะตอเสมอ เพราะจะช่วยในการดับกลิ่นได้นั่นเอง นอกจากนี้เมื่อสะตอสุก ฝักจะเป็นสีดำและมีเนื้อสะตอสีเหลืองบางๆ สามารทานได้ทั้งเม็ด ซึ่งจะมีรสมัน เนื้อหวาน หากสุกจัดกว่านี้จนผักแห้งเนื้อดำ จะไม่สามารถทานได้ เพราะแข็งและมีกลิ่นฉุนจัดมาก และที่สำคัญ สะตอถือเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ขนมจีน

อาหารขึ้นชื่อที่ได้รับการยอมรับว่าอร่อยจริงๆ โดยเฉพาะเส้นขนมจีนที่กำลังพอดี ไม่เละและไม่แข็งจนเกินไป และที่เด็ดที่สุดก็คือน้ำยาปักษ์ใต้ ที่จะพลาดไม่ได้
ผ้าไหมพุมเรียง

พุมเรียง อ.ไชยา เป็นเขตท้องที่ที่มีหมู่บ้านชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ที่นี่จึงขึ้นชื่อในเรื่องของงานหัตถกรรมผ้าไหมพุมเรียง ที่มีความโดดเด่น สวยงามและมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก โดยการทอผ้าไหมพุมเรียงนั้น ชาวบ้านไม่ได้เลี้ยงไหมเองเหมือนทางภาคเหนือ แต่จะสั่งไหมมาจากญี่ปุ่นและนำมาทอเป็นผ้าไหมอย่างสวยงาม ซึ่งลวดลายที่นิยมได้แก่ ลายราชวัตร ลายดอกโคม ลายดอกพิกุล ลายยกเบ็ดและลายนพเก้า
หมวกพุมเรียง

งานหัตถกรรมอีกประเภทหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของดีจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นของดีจากชาวพุมเรียงเช่นเดียวกับผ้าไหมพุมเรียง โดยหมวกพุมเรียงได้มีการสืบสานกันมาอย่างยาวนาน แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเริ่มมีการทำหมวกพุมเรียงขึ้นมาครั้งแรกในสมัยใด โดยการทำหมวกพุมเรียงก็จะทำจากวัสดุหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ใบลาน ปอแก้วและใบตาล ส่วนการสานจะสานเป็นเส้นยาวก่อนแล้วจึงเย็บขึ้นมาเป็นรูปทรงหมวกในภายหลัง ซึ่งชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า หมวกรานี
ขนมจิ้นแด้

ขนมไทยๆ ที่มีรสชาติอร่อย แปลกตา โดยทำขึ้นมาจากแป้ง ปั้นเป็นลูกกลมๆ ใส่ไส้ถั่วเหลือง จากนั้นนำไปทอดและคลุกด้วยงา จึงได้ทั้งความอร่อยและประโยชน์
ขนมจั้ง

เป็นขนมที่ขึ้นชื่อว่าของอำเภอไชยา และด้วยความอร่อย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมักจะไม่พลาดที่จะแวะซื้อเป็นของฝากเสมอ โดยขนมชนิดนี้ทำขึ้นด้วยข้าวเหนียว น้ำและน้ำด่าง ด้วยการนำข้าวเหนียวแช่ในน้ำด่าง 3-5 ชั่วโมง แล้วนำมาห่อด้วยใบไผ่และนำไปต้มจนสุก ทานกับน้ำเชื่อมหรือน้ำกะทิจะได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม
ไข่เค็มไชยา

ขึ้นชื่อเรื่องของดีสุราษฎร์และของฝากเมืองไชยา ซึ่งมีความเค็มแบบพอดีและไม่คาว จึงทานได้อย่างอร่อย โดยการทำชาวบ้านจะนำเอาดินที่มีความเหนียวมาหุ้มไข่เป็ดไว้ จากนั้นนำไปคลุกกับขี้เถ้าแกลบ บรรจุใส่ลงในหีบหรือกล่องเพื่อจำหน่าย โดยที่ข้างกล่องก็จะมีระยะเวลากำหนดไว้ว่าเมื่อไหร่ควรนำไปประกอบอาหารแบบไหน

ซื้อทัวร์ยังไง ไม่ให้ถูกหลอก ป้องกันทัวร์เถื่อน จากมิจฉาชีพมาหลอกลวง

กรกฎาคม 10, 2553
เนื่องจากในปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาหลอกผู้คนในรูปแบบทัวร์มากขึ้น ซึ่งก็มีผู้ตกเป็นเหยื่อออกข่าวให้ได้เห็นบ่อยๆ ดังนั้นทางกรมการท่องเที่ยวจึงได้ออกมาเตือน และแนะนำประชาชนว่าให้ทำการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าทัวร์ที่จะซื้อนั้นมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องหรือไม่ และเป็นบริษัทที่มีการนำทัวร์จริงหรือเปล่า โดยมีหลักในการซื้อทัวร์ไม่ให้ถูกหลอกดังนี้
1. มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง

ทางกรมการท่องเที่ยวได้มีการออก ใบอนุญาตประกอบธุรกิจทัวร์ให้กับบริษัททัวร์อย่างถูกต้อง ดังนั้นการเลือกซื้อทัวร์เพื่อไม่ให้ถูกหลอก จึงต้องดูด้วยว่าบริษัททัวร์ดังกล่าวมีใบอนุญาตหรือไม่ และที่สำคัญจะต้องยังไม่หมดอายุด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการกำหนดให้ต่ออายุทุก 2 ปี หากไม่ได้ต่ออายุจะไม่สามารถจัดกรุ๊ปทัวร์ได้ นอกจากนี้บริษัททัวร์ที่จะซื้อ ควรสามารถที่จะตรวจสอบตัวตนได้ และมีการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงถ้ามีแผนที่การเดินทางไปยังบริษัทด้วยก็จะดีมาก โดยสามารถตรวจสอบตัวตนของบริษัทนำทัวร์ได้จาก http://www.tourism.go.th ทั้งนี้ผู้ที่หลอกลวงส่วนใหญ่มักจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทให้ได้ทราบ
2. ความน่าเชื่อถือ

บริษัททัวร์ที่ดีควรจะมีความน่าเชื่อถือสูง โดยดูได้จากการเป็นบริษัททัวร์ชั้นนำ และต้องไม่มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทบ่อยๆซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดูน่าสงสัย นอกจากนี้ควรมีหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น มีเว็บไซต์ของบริษัทที่เปิดบริการมาเป็นเวลานานและไม่ใช่เว็บฟรี มีการระบุที่ตั้งของสำนักงานหรือบริษัทอย่างชัดเจน มีช่องทางในการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ แฟกซ์ และอีเมลล์ เป็นต้น และหากมีคนรู้จักเคยใช้บริการทัวร์มาก่อนก็จะดีมาก เพราะเป็นการยืนยันได้ดีว่าบริษัททัวร์ดังกล่าวมีตัวตนจริง
3. ราคา

อย่าหลงเชื่อกับราคาทัวร์ที่ถูกจนเกินไป เพราะพวกมิจฉาชีพส่วนใหญ่มักจะใช้จุดอ่อนในเรื่องของราคามาหลอกลวง ทำให้นักท่องเที่ยวหลงกลได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงควรลองเปรียบเทียบราคามาตรฐานดูก่อนว่าราคาทัวร์ดังกล่าวมีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าราคาแพงจะดีเสมอไป ควรดูที่คุณภาพและผลงานของบริษัททัวร์แห่งนั้นด้วย
4. มีถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดที่ไปเที่ยว

การซื้อทัวร์กับบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว จะทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น นั่นก็เพราะเมื่อมีปัญหาก็สามารถที่จะเรียกบริษัททัวร์มาแก้ไขได้ทันที และมั่นใจได้ว่าไกด์นำเที่ยวจะมีความชำนาญในเส้นทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
5. ความชัดเจนของแพคเกจ

แพคเกจนำเที่ยวควรจะมีความชัดเจน โดยมีการบอกอย่างละเอียดว่ามีรายการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง บริการต่างๆ ที่ถูกจัดอยู่ในแพคเกจทัวร์ และที่สำคัญต้องมีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ
6. การชำระเงิน

การซื้อหรือจองทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่ จะต้องมีการจ่ายเงินมัดจำก่อน 50% หรืออาจให้ชำระเงินเต็มจำนวนในทันที ซึ่งก่อนจะชำระเงินควรดูให้ดีก่อนว่าบัญชีธนาคารที่ต้องโอนเงินเข้านั้นเป็นชื่อของบริษัทหรือเปล่า และหากเป็นชื่อของบุคคลอื่นจะมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน โดยเฉพาะหากมีการทวงถามค่าบริการหรือเร่งให้จ่ายเงินจนดูผิดสังเกตด้วยแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังและตรวจสอบอย่างเป็นพิเศษ
7. ถามคนรอบตัว

เพราะบริษัททัวร์ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัททัวร์ชื่อดัง ดังนั้นจึงต้องมีผู้รู้จักหรือเคยใช้บริการอยู่บ้าง ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อให้ลองสอบถามจากคนรู้จักดูก่อนว่ารู้จักบริษัททัวร์นี้ไหม เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้หรือเปล่า นอกจากนี้อาจลองค้นหาบนอินเทอร์เน็ตดู เพราะจะต้องมีข้อมูลของบริษัททัวร์ไม่มากก็น้อย ที่สำคัญหากเป็นบริษัทที่หลอกลวง ก็อาจมีการแชร์ประสบการณ์ของผู้ที่เคยโดนหลอกมาก่อน

10 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนไปเที่ยว หลีกเลี่ยงปัญหาในระหว่างการเดินทาง

กรกฎาคม 09, 2553
การเดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม นักท่องเที่ยวควรมีการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในระหว่างการเดินทาง เพราะบางครั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไป ก็อาจไม่มีร้านค้าให้จับจ่ายซื้อของอย่างครบครันเหมือนกับสถานที่บางแห่ง หรือราคาอาจจะแพงกว่ามาก เพราะฉะนั้นควรเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับตัวเองและเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วยจะดีกว่า
1. เตรียมรถให้พร้อม

เมื่อเดินทางท่องเที่ยวด้วยการขับรถไปเอง ควรมีการตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อม เพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัยและไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะหากต้องเดินทางไกลหรือเดินทางเข้าป่า ก็ควรเตรียมน้ำมันและยางรถสำรองเอาไว้ด้วย
2. เตรียมแผนการเดินทาง

ควรเตรียมแผนในการเดินทางให้ดี ว่าจะต้องเดินทางด้วยพาหนะอะไร ใช้เส้นทางไหนบ้าง โดยสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางด้วยเครื่องบิน เรือหรือรถโดยสาร ควรเช็ควันเวลา และจองตั๋วให้เรียบร้อย ส่วนผู้ที่ต้องการขับรถไปเอง ก็ให้เช็คเส้นทางให้พร้อม เพื่อจะได้ไม่หลงนั่นเอง
3. เตรียมเรื่องที่พัก

ตามแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ที่พักมักจะเต็มอยู่เสมอ ดังนั้นหากต้องการจะไปพักที่ไหนก็ควรเช็คเรื่องสถานที่พักและทำการจองให้เรียบร้อยก่อนล่วงหน้า ก็จะทำให้สะดวกและหมดกังวลเรื่องที่พักมากขึ้น หรือสำหรับใครที่อยากจะกางเต๊นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติ ก็ควรตรวจสอบความปลอดภัยในจุดที่ต้องการพักให้ดีก่อน พร้อมกับเตรียมเต็นท์และอุปกรณ์จำเป็นไปให้พร้อม
4. เตรียมร่างกายของตนเอง

ร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนการเดินทาง โดยช่วงก่อนถึงวันเดินทางท่องเที่ยวควรดูแลตนเองไม่ให้เจ็บป่วย และเมื่อถึงวันก่อนเดินทาง 1 วัน ก็ควรนอนตั้งแต่ช่วงค่ำ เพื่อจะได้ไม่ตื่นสายและไม่เกิดความวุ่นวายตามมา โดยกรณีที่ต้องเดินทางในระยะไกล ก็ควรเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อน เพราะในระหว่างทางอาจไม่มีปั๊มน้ำมันที่มีห้องน้ำให้จอดแวะเข้านั่นเอง
5. เตรียมกระเป๋าเดินทาง

กระเป๋าเดินทางควรเตรียมให้พร้อม โดยเลือกเฉพาะของที่จำเป็นอย่างเช่น เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวต่างๆ และควรเลือกรูปแบบของกระเป๋าเดินทางให้มีความเหมาะสมกับการเดินทางด้วย เช่น กระเป๋าเป้สำหรับใส่ของไม่มากและสะดวกต่อการสะพายเมื่อเดินทางเข้าป่าหรือไปเที่ยวทะเล และที่สำคัญขนาดของกระเป๋าก็ควรมีความเหมาะสมด้วย
6. เตรียมของใช้ส่วนตัว

เมื่อไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ของใช้ส่วนตัวบางอย่างอาจไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย ดังนั้นควรเตรียมให้พร้อมตั้งแต่ที่บ้านจะดีกว่า และเพื่อป้องกันการลืม แนะนำให้จดรายการของใช้ส่วนตัวที่จะเอาไปลงในกระดาษให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เตรียมจัดเตรียมให้ครบแล้วจึงนำจัดใส่ในกระเป๋าเดินทาง สำหรับใครที่คิดว่าสิ่งของบางอย่างไม่ต้องเอาไปก็ได้ ค่อยไปซื้อในสถานที่ท่องเที่ยวทีเดียว ถือเป็นความคิดที่ผิดมาก เพราะสิ่งของบางอย่างอาจไม่มีให้ซื้อหรือไม่ก็ราคาแพงกว่าทั่วไปมาก
7. เตรียมยาประจำตัวและยาสามัญ

เรื่องของสุขภาพและการเจ็บป่วยอาจเกิดขึ้นได้เสมอ ยาจึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นยาสามัญทั่วไป เช่น ยาพาราแก้ปวด ยาหม่อง ยาดม เป็นต้น หรือยาประจำตัวสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เท่านี้ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ และไม่ต้องวุ่นวายกับการหาซื้อยาเมื่อมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น
8. เคลียร์งานหรือเรื่องสำคัญต่างๆ

สำหรับใครที่มีงานคั่งค้างอยู่หรือมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ก็ควรเคลียร์ให้พร้อม เพื่อจะได้เดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสนุก โดยไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล และมั่นใจว่าจะไม่ถูกโทรตามให้กลับมาทำงานในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินในการท่องเที่ยวไปกับครอบครัว ดังนั้นควรเคลียร์งานให้เรียบร้อย และอย่าลืมขอลาพักร้อนตามระยะเวลาที่ต้องการให้เรียบร้อยด้วย
9. เตรียมของกิน

ของกินตามสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมีราคาแพงมาก โดยเฉพาะบนเกาะหรือแหล่งท่องเที่ยวที่มีฝรั่งเยอะ นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งก็อาจไม่มีร้านค้าในบริเวณใกล้เลย ทำให้หาของกินได้ยาก เพราะฉะนั้นจึงควรเตรียมไปให้พร้อม โดยอาจทำอาหารให้เรียบร้อยจากบ้าน หรือเตรียมของสด เตาแก๊สปิกนิก อุปกรณ์ปิ้งย่าง เพื่อไปปิกนิก ณ สถานที่ท่องเที่ยวเลยก็ได้
10. เตรียมเงิน

เงิน ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเดินทางท่องเที่ยว เพราะต้องไว้ใช้สำหรับซื้อของกิน ซื้อของจำเป็น ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะ หรือใช้ในยามฉุกเฉิน เช่น รถยางรั่วระหว่างทาง เป็นต้น ที่สำคัญควรเตรียมแบบเป็นเงินสดไปเลย ไม่ใช่แค่พกบัตรเครดิตหรือบัตร ATM เพราะในสถานที่ท่องเที่ยวอาจไม่มีตู้ ATM ให้กดเงินสดหรือมีร้านที่ให้รูดบัตรเครดิตได้ เพราะฉะนั้นควรคำนวณให้ดีว่าต้องใช้เงินในการเดินทางท่องเที่ยวเท่าไหร่ และพกเงินสำรองไปส่วนหนึ่ง เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เอกสารแรกที่นักท่องเที่ยว ต้องพิจารณา

กรกฎาคม 08, 2553
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กระแสการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้หลายคนมีความคิดที่อยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง โดยอาจจะเป็นการตั้งโต๊ะทัวร์ การนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมถึงการพาไปทัวร์ร้านอาหารดัง ๆ แต่ทั้งนี้ การจะประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ จะต้องมีการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อมูลทั่วไปของธุรกิจนำเที่ยว

ธุรกิจนำเที่ยว คือ การนำนักท่องเที่ยวทั้งภายในและจากต่างประเทศ เดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงการเดินทางเพื่อจุดประสงค์อื่น โดยได้จัดให้มีบริการในการอำนวยความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เช่น สถานที่พัก ร้านอาหาร ทริปทัวร์ต่าง ๆ รวมถึงการจัดให้มีมัคคุเทศก์นำทาง การจะทำธุรกิจนำเที่ยว ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวก่อน เพราะถ้าหากไม่มีใบอนุญาต ก็มีโทษสูงถึงขั้นทั้งจำและปรับได้
ประเภทของใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว มีด้วยกัน 4 ประเภท คือ

    ใบอนุญาตนำเที่ยวเฉพาะพื้นที่ สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ เฉพาะในจังหวัดที่จดทะเบียนและจังหวัดข้างเคียงเท่านั้น (เช่น จดที่เชียงใหม่ ก็จะนำเที่ยวได้แค่ที่เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงที่ระบุเอาไว้) สามารถให้บริการได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้น การจดทะเบียนประเภทนี้ จะต้องวางเงินเพื่อเป็นหลักประกันจำนวน 10,000 บาท ที่สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว จะได้เลขทะเบียนที่มีเลข 13/xxxxx นำหน้า (เหมาะสำหรับไกด์ท้องถิ่น หรือธุรกิจนำเที่ยวเล็ก ๆ)
    ใบอนุญาตนำเที่ยวในประเทศ (Domestic) สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ทุกที่ในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเที่ยวไปต่างประเทศ สามารถให้บริการได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้น การจดทะเบียนประเภทนี้ จะต้องวางเงินเพื่อเป็นหลักประกันจำนวน 50,000 บาท ที่สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว จะได้เลขทะเบียนที่มีเลข 12/xxxxx นำหน้า (เหมาะสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวเล็ก ๆ ในประเทศ เน้นนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก)
    ใบอนุญาตนำเที่ยวแบบอินบาวด์ (Inbound) สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ทุกที่ในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเที่ยวไปต่างประเทศ สามารถให้บริการได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเท่านั้น การจดทะเบียนประเภทนี้ จะต้องวางเงินเพื่อเป็นหลักประกันจำนวน 100,000 บาท ที่สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว จะได้เลขทะเบียนที่มีเลข 14/xxxxx นำหน้า (เหมาะสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวเล็ก ๆ เน้นการให้บริการชาวต่างชาติเป็นหลัก)
    ใบอนุญาตนำเที่ยวต่างประเทศ (Outbound) สามารถระกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถให้บริการได้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ การจดทะเบียนประเภทนี้ จะต้องวางเงินเพื่อเป็นหลักประกันจำนวน 200,000 บาท ที่สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว จะได้เลขทะเบียนที่มีเลข 11/xxxxx นำหน้า (เหมาะสำหรับธุรกิจนำเที่ยวขนาดใหญ่ที่ให้บริการครบทุกความต้องการ)

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
1. ทำไมถึงต้องวางเงินประกัน?

เพราะเงินประกันที่นำมาวางนั้น จะถูกนำมาใช้หากเกิดความผิดพลาด ความเสียหายจนเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องจากนักท่องเที่ยว ถ้าหากว่าสิ้นสุดการฟ้องร้อง แล้วบริษัทไม่ได้ชดใช้ให้กับนักท่องเที่ยวตามที่กฎหมายกำหนด สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ที่เป็นฝ่ายเก็บเงินหลักประกันไว้ จะเป็นผู้นำเงินประกันนั้น ๆ มาชดใช้ให้กับนักท่องเที่ยวแทน
2. การต่อใบอนุญาต

จะต้องทำการต่อใบอนุญาตทุก ๆ 2 ปี เพื่อรักษาสถานภาพใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไว้อยู่เสมอ (ถึงแม้ว่าจะหยุดทำกิจการไปชั่วคราวก็ตาม) โดยค่าธรรมเนียมในการขอต่อใบอนุญาต มีราคา 1,000 บาท ดังนั้นผู้ที่ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว จึงควรต่อใบอนุญาตตามกำหนดเสมอ เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
3. ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ ไม่เหมือนกัน

ถ้าหากว่าทำธุรกิจ โดยที่ไม่ได้เป็นผู้นำเที่ยว หรือเป็นมัคคุเทศก์เอง ก็สามารถใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวอย่างเดียวได้ แล้วจ้างมัคคุเทศก์ที่มีบัตรอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์อย่างถูกต้องให้ทำหน้าที่แทน แต่ถ้าเป็นผู้นำแขกไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ก็จะต้องมีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ (บัตรไกด์) ควบคู่ไปด้วย มิเช่นนั้นอาจจะถูกจำคุกหรือถูกปรับเนื่องจากมีการกระทำผิดทางกฎหมาย ดังนั้นหากประกอบธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะแบบนี้ ก็ควรขอใบอนุญาตทั้งการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการเป็นมัคคุเทศก์ควบคู่กันไปด้วย
4. หากต้องการขายทัวร์ในอินเตอร์เน็ต

จะต้องขอใบอนุญาตนำเที่ยวแบบอินบาวด์ (ประเภทที่ 3) ขึ้นไปเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีความตั้งใจที่จะขายทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่การขอใบอนุญาตนำเที่ยวในประเทศ (Domestic) จะสามารถขายได้แบบตั้งโต๊ะเท่านั้น ไม่สามารถขายผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้
บทลงโทษกรณีไม่ได้ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว

กรณีที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่มีใบอนุญาต จะมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท ในรายที่มีการกระทำผิดพรบ.บางมาตรา เช่น มาตรา 30 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจะเรียกเก็บค่าบริการอื่นใดนอกจากที่ระบุไว้ตามคำโฆษณาหรือที่ตกลงกันล่วงหน้าไม่ได้ หากฝ่าฝืนอาจมีโทษถึงขั้นพักใบอนุญาต หรืออาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ ส่วนกรณีที่กระทำการเป็นมัคคุเทศก์ โดยที่ไม่มีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ จะมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องให้ความใส่ใจ ไม่ควรละเลยเป็นอันขาด เพราะหากไม่มีใบอนุญาตก็ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ และหากฝ่าฝืนก็จะต้องถูกลงโทษด้วยการจำคุกและปรับ ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อย ดังนั้นควรขอใบอนุญาติให้เรียบร้อยก่อนจะดีที่สุด

เที่ยวกับทัวร์ อย่างไรให้สนุก ซื้อทัวร์ยังไง ไม่ให้ถูกหลอก บทความนี้ต้องอ่าน

กรกฎาคม 08, 2553
ในปัจจุบัน หลายคนเริ่มหันมาเที่ยวกับบริษัททัวร์กันมากขึ้น เพราะด้วยความสะดวกสบายและไม่ต้องกลัวหลง เนื่องจากทัวร์ส่วนใหญ่จะรู้เส้นทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างดีอยู่แล้ว นอกจากนี้กรณีที่ไปเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ก็สามารถขอส่วนลดสำหรับการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปได้ แต่จะเที่ยวไปกับทัวร์อย่างไรให้สนุกและมีความสุขที่สุด ก็มีเทคนิคดังนี้
1. ต้องมีความอดทน

บางครั้งในการไปเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยตัวเองหรือเดินทางไปกับทัวร์ ก็อาจมีเหตุบางอย่างที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยพึงพอใจมากนัก เช่น อาหารไม่ถูกปาก มีปัญหากับเพื่อนร่วมทริปที่ไปเที่ยวด้วยกัน รถติด หรือเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เช่นรถเฉี่ยวชน ทำให้เวลาในการเที่ยวล่าช้าและลดน้อยลง โดยปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์หรือควบคุมได้ ดังนั้นจึงต้องมีความอดทน เพื่อให้บรรยากาศในการท่องเที่ยวไม่หมดสนุกลงซะก่อน อย่างไรก็ได้ไปเที่ยวตามที่จัดทัวร์ไว้
2. ตื่นเช้ากว่าปกติ

การไปเที่ยวกับทัวร์ ส่วนใหญ่จะมีการกำหนดเวลารถออกอย่างชัดเจน โดยอาจมีการเลทให้ได้บ้างเล็กน้อย แต่ทางที่ดีควรเตรียมตัวให้พร้อมและไปถึงจุดนัดหมายตามกำหนดเวลาดีกว่า ดังนั้นจึงควรตื่นให้เช้ากว่าปกติสักนิด เพื่อเผื่อเวลาในการเตรียมตัวและเช็คของที่จะนำไปให้ครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่อง จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง และอย่าลืมเผื่อเวลาในการเดินทางไปยังสถานที่นัดพบ โดยเฉพาะหากเป็นเขตกรุงเทพและปริมณฑล เพราะส่วนใหญ่รถจะติดมาก ซึ่งอาจทำให้การเดินทางล่าช้าและสายได้ และคงไม่ดีแน่หากเดินทางไปถึงสถานที่นัดพบเป็นคนสุดท้ายในขณะที่คนอื่นๆ ได้รอคอยอยู่นานแล้ว
3. อย่ากลัวการพูดคุยกับคนอื่น

ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมเดินทางในการท่องเที่ยวครั้งนี้ จะเป็นคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยหรือไม่รู้จักมาก่อน ก็ไม่ควรปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบงำ และทำให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นอะไรที่อึดอัด ดังนั้นหากต้องนั่งข้างกับคนที่ไม่รู้จักหรือไม่สนิท ก็ควรกล้าที่จะชวนคุยและผูกมิตรกันเข้าไว้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้เพื่อนคุยใหม่ๆ แล้ว ก็จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ไม่น่าเบื่อและเงียบเหงาจนเกินไป หรืออาจมีการทักทาย พูดคุยกับไกด์บ้าง ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น
4. ถ่ายภาพให้ได้เยอะที่สุด

อีกหนึ่งสิ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยในการเดินทางท่องเที่ยว ก็คือการเก็บภาพแห่งความทรงจำไว้ให้เยอะที่สุด เพราะโอกาสดีๆ ที่ได้มาสัมผัสกับความสวยงามและบรรยากาศดีๆ ของสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ได้มีได้ง่ายๆ และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสนี้อีกไหม ดังนั้นเมื่อได้ไปเที่ยวก็ให้ถ่ายภาพทุกช็อตทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นภาพสวยๆ ของธรรมชาติ สถานที่ หรือภาพถ่ายคู่กับเพื่อนๆ ครอบครัวและภาพเดี่ยวๆ ท่ามกลางธรรมชาติ รวมถึงภาพขณะการเดินทางที่อยู่บนรถทัวร์ อย่างน้อยภาพถ่ายเหล่านี้ก็จะเป็นภาพความทรงจำดีๆ ที่จะทำให้รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เปิดดู
5. อย่าคาดหวังจนเกินไป

เมื่อมีการคาดหวังเอาไว้สูงและสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปอย่างที่หวังเอาไว้ ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกแย่ ดังนั้นควรเปิดใจกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นตลอดการเดินทางท่องเที่ยว และอย่าได้คาดหวังเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อเจอผู้ร่วมทางใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปเพียงแค่เห็นหน้าว่าเขาเป็นคนไม่น่าคบ ลองเข้าไปทักทายทำความรู้จักดู ไม่แน่อาจได้เพื่อนร่วมทางที่คุยถูกคอ และทำให้ตลอดการเดินทางเต็มไปด้วยความสนุกก็ได้ แต่หากเจอกับบุคคลที่พูดคุยไม่เข้ากันเลยและรู้สึกไม่ค่อยชอบ ก็ไม่ควรที่จะเก็บเอาความรู้สึกเหล่านี้มาใส่ใจ เพราะจะทำให้การท่องเที่ยวเสียบรรยากาศได้ หรือหากในวันที่ออกเดินทางท่องเที่ยว สภาพอากาศไม่เป็นใจ มีเมฆมาบดบังความสดใสไปหมด ก็ให้คิดว่านี่เป็นอีกแง่มุมและอีกบรรยากาศหนึ่งทีน่าเที่ยวไม่แพ้กัน เท่านี้ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความสุขตลอดการเดินทางแล้ว
6. เก็บบันทึกแต่เรื่องราวที่ดี

การเดินทางท่องเที่ยวไปกับทัวร์ อาจมีทั้งเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เกิดความสุขและเรื่องราวแย่ๆ ที่ทำให้รู้สึกหมดสนุก แต่ก็สามารถที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนั้นมีแต่ความทรงจำที่มีความสุขได้ ด้วยการลืมเรื่องแย่ๆ ไป และเก็บบันทึกแต่เรื่องราวดีๆ ไว้ในความทรงจำ โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้มีความสุขและเกิดความประทับใจ เท่านี้เมื่อนึกถึงวันที่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวเมื่อไหร่ ก็จะมีแต่ภาพแห่งความสุข สนุก และพร้อมที่จะเล่าเรื่องราวความประทับใจให้เพื่อนๆ ได้ฟังอย่างเต็มที่โดยไม่มีติดขัด
7. ดูแลสุขภาพของตัวเองเสมอ

การท่องเที่ยวอาจจะหมดสนุกได้เมื่อมีปัญหาสุขภาพเกิดขึ้น ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะในเรื่องของการทานอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่อาจทำให้ท้องอืดหรือท้องเสียได้ และล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหารทุกครั้ง เพราะหากเกิดอาการท้องเสียขึ้นระหว่างการเดินทาง คงทำให้หมดสนุกและเป็นปัญหามาก เนื่องจากหาห้องน้ำเข้าได้ยากนั่นเอง นอกจากนี้ควรพกยาสามัญหรือยาประจำตัวติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อมีอาการป่วยจะได้กินยาตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวได้ เพราะฉะนั้นหากต้องการท่องเที่ยวไปกับทัวร์อย่างสนุกและมีความสุขที่สุด ก็ควรดูแลสุขภาพของตนเองไปตลอดการเดินทาง

ต้องการเที่ยวกับทัวร์ให้สนุกและมีความสุข 7 เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยได้ นอกจากนี้ควรวางแผนจัดการธุระและงานต่างๆ ก่อนการเดินทางให้พร้อม จะได้ไม่ต้องรู้สึกกังวลตลอดการเดินทาง ซึ่งทำให้หมดสนุกได้
ซื้อทัวร์ยังไง ไม่ให้ถูกหลอก

เนื่องจากในปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาหลอกผู้คนในรูปแบบทัวร์มากขึ้น ซึ่งก็มีผู้ตกเป็นเหยื่อออกข่าวให้ได้เห็นบ่อยๆ ดังนั้นทางกรมการท่องเที่ยวจึงได้ออกมาเตือน และแนะนำประชาชนว่าให้ทำการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าทัวร์ที่จะซื้อนั้นมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องหรือไม่ และเป็นบริษัทที่มีการนำทัวร์จริงหรือเปล่า โดยมีหลักในการซื้อทัวร์ไม่ให้ถูกหลอกดังนี้
1.มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง

ทางกรมการท่องเที่ยวได้มีการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจทัวร์ให้กับบริษัททัวร์อย่างถูกต้อง ดังนั้นการเลือกซื้อทัวร์เพื่อไม่ให้ถูกหลอก จึงต้องดูด้วยว่าบริษัททัวร์ดังกล่าวมีใบอนุญาตหรือไม่ และที่สำคัญจะต้องยังไม่หมดอายุ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการกำหนดให้ต่ออายุทุก 2 ปี หากไม่ได้ต่ออายุจะไม่สามารถจัดกรุ๊ปทัวร์ได้ นอกจากนี้บริษัททัวร์ที่จะซื้อ ควรสามารถที่จะตรวจสอบตัวตนได้ และมีการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงถ้ามีแผนที่การเดินทางไปยังบริษัทด้วยก็จะดีมาก โดยสามารถตรวจสอบตัวตนของบริษัทนำทัวร์ได้จาก http://www.tourism.go.th นั่นเอง ทั้งนี้ผู้ที่หลอกลวงส่วนใหญ่มักจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทให้ได้ทราบ
2.ความน่าเชื่อถือ

บริษัททัวร์ที่ดีควรจะมีความน่าเชื่อถือสูง โดยดูได้จากการเป็นบริษัททัวร์ชั้นนำและต้องไม่มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทบ่อยๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดูน่าสงสัย นอกจากนี้ควรมีหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น มีเว็บไซต์ของบริษัทที่เปิดบริการมาเป็นเวลานานและไม่ใช่เว็บฟรี มีการระบุที่ตั้งของสำนักงานหรือบริษัทอย่างชัดเจน มีช่องทางในการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์ แฟกซ์ และอีเมลล์ เป็นต้น  และหากมีคนรู้จักเคยใช้บริการทัวร์มาก่อนก็จะดีมาก เพราะเป็นการยืนยันได้ดีว่าบริษัททัวร์ดังกล่าวมีตัวตนจริง และไม่หลอกลวง
3.ราคา

อย่าหลงเชื่อกับราคาทัวร์ที่ถูกจนเกินไป เพราะพวกมิจฉาชีพส่วนใหญ่มักจะใช้จุดอ่อนในเรื่องของราคามาหลอกลวง ทำให้นักท่องเที่ยวหลงกลได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงควรลองเปรียบเทียบราคามาตรฐานดูก่อนว่าราคาทัวร์ดังกล่าวมีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าราคาแพงจะดีเสมอไป ควรดูที่คุณภาพและผลงานของบริษัททัวร์แห่งนั้น
4.มีถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดที่ไปเที่ยว

การซื้อทัวร์กับบริษัทที่มีสำนักงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว จะทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น นั่นก็เพราะเมื่อมีปัญหาก็สามารถที่จะเรียกบริษัททัวร์มาแก้ไขได้ทันที และมั่นใจได้ว่าไกด์นำเที่ยวจะมีความชำนาญในเส้นทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
5.ความชัดเจนของแพคเกจ

แพคเกจนำเที่ยวควรจะมีความชัดเจน โดยมีการบอกอย่างละเอียดว่ามีรายการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง บริการต่างๆ ที่ถูกจัดอยู่ในแพคเกจทัวร์ และที่สำคัญต้องมีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ
6.การชำระเงิน

การซื้อหรือจองทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่ จะต้องมีการจ่ายเงินมัดจำก่อน 50% หรืออาจให้ชำระเงินเต็มจำนวนในทันที ซึ่งก่อนจะชำระเงินควรดูให้ดีก่อนว่าบัญชีธนาคารที่ต้องโอนเงินเข้านั้นเป็นชื่อของบริษัทหรือเปล่า และหากเป็นชื่อของบุคคลอื่นจะมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน โดยเฉพาะหากมีการทวงถามค่าบริการหรือเร่งให้จ่ายเงินจนดูผิดสังเกตด้วยแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังและตรวจสอบอย่างเป็นพิเศษ
7.ถามคนรอบตัว

เพราะบริษัททัวร์ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัททัวร์ชื่อดัง ดังนั้นจึงต้องมีผู้รู้จักหรือเคยใช้บริการอยู่บ้าง ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อให้ลองสอบถามจากคนรู้จักดูก่อนว่ารู้จักบริษัททัวร์นี้ไหม เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้หรือเปล่า นอกจากนี้อาจลองค้นหาบนอินเทอร์เน็ตดู เพราะจะต้องมีข้อมูลของบริษัททัวร์ไม่มากก็น้อย ที่สำคัญหากเป็นบริษัทที่หลอกลวง ก็อาจมีการแชร์ประสบการณ์ของผู้ที่เคยโดนหลอกมาก่อน

เทคนิคการพายเรือคายัค พายอย่างไรให้ถูกวิธี ไม่จมกลางน้ำ

กรกฎาคม 05, 2553
การพายเรือคายัค เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะแพที่พักบนเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่เปิดให้บริการพายเรือคายัค ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือเพื่อพักผ่อนชมวิวเพลินๆ หรือการพายเรือล่องแก่งก็ตาม แต่ทั้งนี้การจะพายเรือคายัคให้สนุกและคุ้มค่าที่สุดก็ต้องมีเทคนิคกันหน่อย พร้อมด้วยข้อควรระวังที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนเริ่มพายจริง นั่นก็เพื่อความปลอดภัยจากการพายเรือคายัคนั่นเอง
ประเภทของเรือคายัค

สำหรับประเภทของเรือคายัค ก็จะมี 2 แบบด้วยกัน และมีความเหมาะสมของการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้แก่
1. เรือคายัคแบบ Sit-inside

เรือคายัคประเภทนี้จะเป็นแบบดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยเริ่มแรก โดยผู้พายจะต้องสอดตัวเข้าไปในเรือคายัค ซึ่งจะมีผ้าคลุมปิดอย่างดี เพื่อไม่ให้น้ำเข้ามาในเรือได้ แต่ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แม้จะมีให้เลือกทั้งแบบล่องแก่งและแบบท่องเที่ยวเพื่อความเพลิดเพลินก็ตาม เพราะมีความยุ่งยากตรงที่ต้องสอดตัวเข้าในเรือนั่นเอง
2. เรือคายัคแบบ Sit-on-top

เรือคายัคประเภทนี้ได้มีการพัฒนามาจากแบบแรก ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม เพราะไม่ต้องสอดตัวเข้าไปในเรือเหมือนกับเรือแบบแรก โดยเรือประเภทนี้ ตัวเรือจะถูกปิดหมดเพื่อป้องกันน้ำเข้าเรือ ส่วนผู้พายก็จะนั่งอยู่ด้านบนของเรือนั่นเอง นอกจากนี้ก็จะมีรูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่กระเซ็นเข้ามาระบายออกไปได้ จึงไม่ทำให้เรือจม
เทคนิคและวิธีการพายเรือคายัค

การพายเรือคายัค จะต้องมีเทคนิคเพื่อให้การพายเรือเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้น โดยมีเทคนิคและวิธีการพายเรือดังนี้
1. ผู้พายต้องนั่งเหยียดขาไปกับพื้นเรือ

เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างง่ายดายและเรือเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ผู้พายจะต้องนั่งเหยียดขาราบไปกับพื้นเรือ แล้วใช้ไม้พายพายเรือสลับซ้ายขวาไปเรื่อยๆ ซึ่งการพายแบบนี้จะทำให้เกิดแรงส่งที่ทำให้เรือสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เร็วกว่าเดิม แต่หากต้องการพายเรือถอยหลัง ก็ให้จุ่มไม้พายด้านใดด้านหนึ่งไปข้างหลัง แล้วผลักพายไปข้างหน้า โดยทำสลับกันซ้ายขวาเช่นกัน แต่จะต้องใช้การบิดเอวและลำตัว เพื่อให้พายง่ายขึ้นด้วย
2. จุ่มไม้พายด้านหนึ่งลงในน้ำเพื่อเบรก

เมื่อต้องการเบรกหรือชะลอความเร็วของเรือคายัค ให้ผู้พายจุ่มไม้พายด้านใดด้านหนึ่งลงในน้ำ จากนั้นให้ผลักไม้พายไปข้างหน้า โดยทำสลับกันซ้ายขวาไปเรื่อยๆ เรือก็จะชะลอความเร็วลงและหยุดในที่สุด เป็นเทคนิคการเบรกเรือที่ทำได้ไม่ยากเลย
3. เทคนิคการพายเรือเพื่อเลี้ยวซ้ายขวา

การพายเรือเลี้ยวซ้ายขวาเป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่ผู้พายจะต้องมีความเข้าใจและทำได้ โดย

    การเลี้ยวซ้าย ให้จุ่มไม้พายลงน้ำทางด้านขวา โดยมือซ้ายอยู่ในระดับแก้ม จากนั้นให้ผลักแขนซ้ายไปข้างหน้าแล้วใช้แขนขวากวาดพายมาด้านหลังจนสุด ตามด้วยยกขึ้น และทำซ้ำแบบนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เรือเลี้ยวไปทางซ้าย
    การเลี้ยวขวา ให้จุ่มไม้พายลงน้ำทางด้านซ้าย โดยมือขวาอยู่ในระดับแก้ม จากนั้นให้ผลักแขนขวาไปข้างหน้าแล้วใช้แขนซ้ายกวาดพายมาด้านหลังจนสุด ตามด้วยยกขึ้น ทำแบบนี้ซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เรือเลี้ยวไปทางขวา

ข้อควรระวังในการพายเรือคายัคเพื่อความปลอดภัย

เพื่อให้การพายเรือคายัคเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด จะต้องปฏิบัติตามข้อควรระวังอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายในขณะที่กำลังพายเรืออยู่นั่นเอง ซึ่งก็มีข้อควรระวังที่ควรรู้ดังต่อไปนี้
1. ตรวจเช็คเรือและอุปกรณ์ให้พร้อม

ก่อนเริ่มพายเรือคายัคทุกครั้ง จะต้องเช็คให้พร้อมก่อนว่าเรือและอุปกรณ์ที่จะใช้ในการพายมีความพร้อมหรือไม่ โดยเรือจะต้องมีความสมบูรณ์แบบ และไม้พายก็จะต้องอยู่ในสภาพดี แข็งแรงเช่นกัน นอกจากนี้ก็อย่าลืมสิ่งสำคัญอย่างเช่น กระเป๋าหรือถุงที่กันน้ำได้ และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เป็นต้น
2. อย่าลืมสวมเสื้อชูชีพ

แม้จะมีการตรวจสภาพเรือและอุปกรณ์สำหรับพายเรืออย่างดีมากแค่ไหน แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะสวมเสื้อชูชีพด้วยเช่นกัน เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ จึงต้องเซฟเรื่องความปลอดภัยให้ดีก่อน ซึ่งหากมีเหตุผิดพลาดอย่างเช่น เรือล่ม เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ยังมีเสื้อชูชีพที่จะช่วยพยุงตัวคุณไม่ให้จมน้ำได้นั่นเอง นอกจากนี้ควรใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมเช่นกัน
3. ไม่ขึ้นเรือเกินน้ำหนักที่กำหนด

การพายเรือคายัคตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักจะมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเรือสามารถรับน้ำหนักได้ไม่เกินเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นควรทำตามอย่างเคร่งครัด โดยห้ามไม่ให้ขึ้นนั่งบนเรือคายัคเกินจากน้ำหนักที่กำหนดเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสี่ยงเรือจมและเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งน้ำหนักที่ว่านี้ก็รวมถึงน้ำหนักสิ่งของ สัมภาระที่จะนำขึ้นไปบนเรือด้วย

การพายเรือคายัค จะต้องมีเทคนิคที่ดีในการพาย และต้องเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัยให้ดี เพื่อการพายเรือจะได้เต็มไปด้วยความสนุกและไม่เกิดอันตรายขึ้นมาในขณะที่กำลังพายนั่นเอง โดยเทคนิคเหล่านี้ก็สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งก็รับรองเลยว่าจะทำให้การพายเรือคายัคของคุณมีแต่ความสนุกและความราบรื่นตลอดการพายเรืออย่างแน่นอน

ขั้นตอนการเข้าพัก (ในโรงแรม, รีสอร์ท) พักอย่างไรให้ถูกวิธี

กรกฎาคม 04, 2553
สำหรับคนที่มักจะเดินทางไปท่องเที่ยวและพักแรมตามโรงแรมหรือรีสอร์ทบ่อยๆ จำเป็นที่จะต้องรู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการเข้าพักอย่างละเอียด รวมถึงสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ และข้อควรระวังต่างๆ ในการเข้าพัก ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมานั่นเอง โดยมีรายละเอียดที่จะต้องรู้และทำความเข้าใจดังนี้
ขั้นตอนในการเข้าพักโรงแรมและรีสอร์ท

ขั้นตอนในการเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ท มีขั้นตอนที่สำคัญดังต่อไปนี้
1. การจองห้องพัก

เริ่มต้นจากการจองห้องพักก่อน โดยสามารถจองได้สองวิธี คือ การจองห้องพักโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์หรือไปจองที่โรงแรม และการจองผ่านทางเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการรับจองนั่นเอง ซึ่งก็มีวิธีการจองดังนี้

    การจองโดยตรง ให้โทรศัพท์ไปยังโรงแรมหรือรีสอร์ท พร้อมแจ้งรายละเอียดที่สำคัญให้ชัดเจน เช่น เข้าพักกี่คน ต้องการห้องพักแบบไหน อยากได้บริการเสริมอะไรบ้าง วันที่เช็คอิน ข้อมูลการติดต่อ และอื่นๆ ที่ทางพนักงานสอบถาม ส่วนใครที่สะดวกเดินทางไปโรงแรมหรือรีสอร์ทโดยตรง ก็สามารถไปจองกับทางโรงแรมได้เลย ซึ่งก็มีข้อดีตรงที่สามารถดูห้องจริงได้ด้วย
    การจองผ่านเว็บไซต์รับจอง โดยในปัจจุบันก็มีเว็บไซต์ที่เปิดให้จองห้องพักเป็นจำนวนมาก สามารถจองผ่านเว็บไซต์เหล่านั้นได้เลย แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่าเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เพราะอาจเจอกับเว็บไซต์ที่เป็นพวกมิจฉาชีพได้นั่นเอง

2. การเช็คอิน

เมื่อถึงวันเข้าพัก ให้เข้าไปที่ประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งชื่อที่ได้ทำการจองห้องพักเอาไว้ พร้อมกับยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต เพื่อให้พนักงานตรวจเช็คข้อมูลและกรอกรายละเอียดของผู้เข้าพักลงไปในระบบของโรงแรม รวมถึงเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่เพื่อให้ติดต่อง่ายขึ้น นอกจากนี้ทางโรงแรมก็อาจจะขอเงินประกันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันห้องพักเสียหาย ซึ่งจะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงแรมด้วย
3. การเช็กเอาท์

สำหรับการเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก จะต้องเช็กเอาท์ให้ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ เพราะหากเกินเวลาก็อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นควรเช็คเวลาที่ต้องเช็กเอาท์ให้ดี และที่สำคัญต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าข้าวของให้เรียบร้อยก่อนถึงเวลาเช็กเอาท์ด้วย จะได้ไม่ลืมของเอาไว้นั่นเอง
สิ่งที่ควรทำเมื่อเข้าพัก

เมื่อเข้าพักในโรงแรมหรือรีสอร์ท มีสิ่งที่ผู้เข้าพักควรทำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและเพื่อความปลอดภัยของตนเองตลอดจนทรัพย์สินดังต่อไปนี้

    อ่านกฎของโรงแรม และทำตามกฎอย่างเคร่งครัด เพราะหากทำผิดกฎอาจจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติมและมีปัญหาตามมาได้นั่นเอง
    ตรวจสอบล็อคประตูให้ดี ว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ คือจะต้องล็อคได้อย่างแน่นหนาและไม่มีการชำรุดเสียหาย ทั้งนี้หากมีความผิดปกติใดที่ล็อคประตู ควรแจ้งให้พนักงานของทางโรงแรมมาแก้ไขให้ทันที
    ตรวจสอบปลั๊กไฟในห้อง เพื่อป้องกันไฟช็อตหรือไฟฟ้าลัดวงจรที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้
    ห้ามเปิดประตูห้องให้กับคนแปลกหน้าเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและคนในครอบครัวเอง
    ควรชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็มอยู่เสมอ จะได้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และต้องพกติดตัวไปด้วยทุกครั้ง หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จะได้ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทัน

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเข้าพัก

เพื่อการเข้าพักภายในโรงแรมและรีสอร์ทอย่างปลอดภัย มีสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด ดังต่อไปนี้

    ทำเสียงดังโวยวาย เพราะโรงแรมรีสอร์ทส่วนใหญ่มักจะมีผู้เข้าพักเป็นจำนวนมาก การทำเสียงดังโวยวายจึงอาจจะไปรบกวนห้องข้างๆ ได้ ซึ่งก็จะเกิดปัญหาความไม่พอใจกันตามมานั่นเอง
    ลักลอบนำสัตว์เข้าห้องพัก โดยโรงแรมส่วนใหญ่มักจะมีกฎข้อห้ามไม่ให้นำสัตว์เข้าห้องพักอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากนำเข้าไปแล้วถูกจับได้ ก็จะต้องเสียค่าปรับตามที่ทางโรงแรมกำหนด
    วางของมีค่าไว้นอกกระเป๋า จะทำให้เสี่ยงต่อการถูกลักขโมย ลืมเก็บ หรือทำหล่นหายได้ ดังนั้นทางที่ดีควรเก็บไว้ในกระเป๋าตลอดเวลาจะดีกว่า
    หยิบของในห้องติดมือกลับไป การทำแบบนี้แม้ว่าจะเป็นของที่ไม่ได้มีมูลค่ามากมาย ก็เข้าข่ายเป็นการลักขโมยเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ควรหยิบของในห้องพักกลับไปด้วยอย่างเด็ดขาด

ข้อควรระวังในการเข้าพักโรงแรมและรีสอร์ท

การเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ท มีข้อควรระวังที่จะต้องทำความเข้าใจ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้เข้าพักเอง ซึ่งข้อควรระวังได้แก่

    อย่าบอกเลขห้องของตนเองให้กับคนอื่นรู้ แม้จะเป็นการบอกโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไปพักคนเดียว
    ต้องสอบถามเรื่องราคาค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย เพราะคงไม่ดีแน่ หากวันเช็กเอาท์แล้วพบว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนเกินเพิ่มเข้ามาจนน่าตกใจ ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมจ่ายไปแบบงงๆ
    ในขั้นตอนการจองห้องพัก หากจองจากเว็บไซต์ ต้องดูให้ดีว่าเว็บไซต์เชื่อถือได้หรือไม่

การเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทจะต้องทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ รวมถึงข้อควรระวังอย่างชัดเจน เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในระหว่างเข้าพัก ไม่ว่าจะเป็นการถูกโกง การมีปัญหากับทางโรงแรม หรือเรื่องของความปลอดภัย ที่สำคัญอย่าลืมอ่านกฎระเบียบของทางโรงแรมให้ดีก่อน จะได้ไม่เผลอทำผิดกฎโดยไม่รู้ตัว

เทคนิคน่ารู้ เตรียมตัวอย่างไร เพื่อขับรถเที่ยวให้ปลอดภัย

กรกฎาคม 02, 2553
เมื่อต้องขับรถไปเที่ยว สิ่งสำคัญที่จะต้องให้ความใส่ใจมากที่สุด ก็คือการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและเต็มไปด้วยความสนุกนั่นเอง ซึ่งวันนี้ก็มีเทคนิคน่ารู้ในการเตรียมตัวก่อนขับรถเที่ยวมาบอกต่อกันด้วย โดยมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างก็ต้องไปดูกันเลย
เตรียมร่างกายให้พร้อม

การจะเดินทางขับรถเที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัย สิ่งสำคัญเลยก็คือ การดูแลสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดีนั่นเอง เพราะหากไปเที่ยวในขณะที่ร่างกายไม่พร้อม เช่น กำลังเจ็บป่วย ไม่สบาย ก็จะทำให้รู้สึกไม่ค่อยสนุกได้ และยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สูง ดังนั้นอันดับแรก ก็ต้องมาเตรียมพร้อมร่างกายของตัวเองกันก่อนเลย ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่จะทำให้เจ็บป่วยไม่สบายได้ รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะช่วง 3 วันก่อนออกเดินทาง เพราะหากนอนน้อยหรือนอนดึกจะเกิดความง่วงสะสม ซึ่งอาจเกิดการหลับในขณะที่กำลังขับรถได้นั่นเอง
อุปกรณ์ของจำเป็นต้องครบ

เป็นสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เลย สำหรับอุปกรณ์และของจำเป็นที่จะต้องใช้ในการขับรถเที่ยว นั่นก็เพราะหากเกิดปัญหาอะไรติดขัดขึ้นมา ก็จะได้มีอุปกรณ์ไว้ใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก่อนนั่นเอง โดยสิ่งของที่จำเป็นต้องพกไปด้วยในขณะขับรถเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ ก็คือ ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล ผ้าห่ม อะไหล่เปลี่ยนล้อรถ สายชาร์จในรถยนต์ และอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันตัวได้ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ควรพกไว้อย่าได้ขาดเลยเชียว
เช็คลมยางรถก่อนออกเดินทาง

ลมยางรถ เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องเช็คให้ดีก่อนออกเดินทาง เพราะหากลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในระหว่างการขับรถเที่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถในระยะทางไกลด้วยแล้ว เพราะหากรถมีลมยางอ่อน เมื่อต้องขับรถในระยะทางไกลอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ยางเกิดความร้อนขึ้นมา จนเกิดการระเบิดได้ในที่สุด ซึ่งปกติแล้วควรเติมลมยางอยู่ที่ประมาณ 30-35 จะอยู่ในระดับที่เหมาะสมและทำให้ขับรถเที่ยวได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ตรวจสอบเบรกรถสักนิด

อันตรายมากหากขับรถในขณะที่เบรกรถหมด หรือมีปัญหาในการเบรก เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สูง ไม่ว่าจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นจึงควรตรวจสอบเบรกรถก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวเสมอ โดยดูว่าสภาพเบรกเป็นอย่างไร สามารถเบรกได้ปกติดีหรือไม่ ทั้งนี้หากพบว่าเบรกรถมีปัญหา ควรนำไปซ่อมแซมแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนขับรถเที่ยวจะดีกว่า ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
จดเบอร์โทรฉุกเฉินไว้ให้ครบ

อย่ามองข้ามการมีเบอร์โทรฉุกเฉินไว้ในโทรศัพท์มือถือ หรือสมุดโน้ตเล็กๆ ไว้พกติดตัว เพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่จะเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย หรืออุบัติเหตุ ซึ่งหากเกิดขึ้นในบริเวณที่ไม่ค่อยมีรถคันอื่นขับผ่านด้วยแล้ว การจะได้รับความช่วยเหลือจากคนที่พบเห็นก็เป็นไปได้น้อยมาก แต่หากจดเบอร์โทรฉุกเฉินเอาไว้ก็ย่อมสามารถหยิบขึ้นมาโทรเพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันที โดยเบอร์โทรฉุกเฉินที่ขอแนะนำให้จดไว้เมื่อต้องขับรถเที่ยวหรือเดินทางไกล ก็มีดังนี้

    1155 ตำรวจท่องเที่ยว
    1669 เจ็บป่วยฉุกเฉิน
    199 ดับเพลิง
    1146 กรมทางหลวงชนบท
    191 เหตุด่วนเหตุร้าย
    1192 แจ้งรถหาย
    1554 หน่วยกู้ชีพ วชิรพยาบาล

อย่าลืมพกยาประจำตัวติดไปด้วย

สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว ควรพกยาประจำตัวไปด้วยเสมอ เพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาการของโรคจะกำเริบขึ้นมาเมื่อไหร่ และหากมีอาการขึ้นมาในขณะที่กำลังขับรถเที่ยวก็คงไม่ดีแน่ เพราะฉะนั้นทางที่ดี ควรพกไว้ตลอดเวลาเลยจะดีกว่า โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่มักจะมีอาการรุนแรงแบบเฉียบพลันหรือต้องกินยาต่อเนื่อง เป็นต้น
สำรวจเส้นทางในการขับให้พร้อม

การรู้เส้นทางล่วงหน้าย่อมทำให้สามารถขับรถเที่ยวได้อย่างรวดเร็วทันใจมากขึ้น และยังปลอดภัยกว่าการไม่รู้เส้นทางเลย นั่นก็เพราะว่าก่อนออกเดินทางได้สำรวจไว้แล้วว่าต้องขับรถไปตามเส้นทางไหนบ้าง และมีตรงจุดไหนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหรือไม่ ซึ่งจะทำให้สนุกกับการเดินทางท่องเที่ยว โดยไม่ต้องกังวลกับความปลอดภัยในระหว่างเดินทางแล้ว
อย่าละเลยการเช็คน้ำมันเครื่อง

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้เลยกับการเตรียมพร้อมเพื่อการขับรถเที่ยวอย่างปลอดภัย นั่นก็คือน้ำมันเครื่องนั่นเอง เพราะหากน้ำมันเครื่องแห้ง จะทำให้รถเกิดปัญหาในระหว่างกำลังขับขี่ได้ ซึ่งจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยว ต้องหมดสนุกไปกลางคัน และยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สูง เพราะฉะนั้นอย่าละเลยที่จะเช็คน้ำมันเครื่องให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางอย่างเด็ดขาด

ไม่ยากเลยสำหรับวิธีการเตรียมตัวเพื่อเดินทางขับรถท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว ก็ยังช่วยเซฟความปลอดภัยในระหว่างขับรถเที่ยวได้ดี และนอกจากคำแนะนำข้างต้น ก็อย่าลืมตรวจเช็คสภาพอากาศให้ดีก่อนออกเดินทางด้วยเช่นกัน โดยหากสภาพอากาศไม่ค่อยดี ไม่เหมาะกับการเดินทาง ก็ไม่ควรขับรถเที่ยวในช่วงเวลานั้นเป็นอันขาด

วิธีเตรียมตัวก่อนเล่นน้ำ ไม่ให้ผิวดำ ผิวไหม้ และไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย

มิถุนายน 29, 2553
นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวทะเล เขื่อนเก็บน้ำหรือน้ำตกส่วนใหญ่ ก็ล้วนอยากลงเล่นน้ำกันทั้งสิ้น แต่ด้วยอากาศที่ร้อนจัดของประเทศไทย การลงเล่นน้ำกลางแดดร้อนจัดในช่วงกลางวัน-บ่าย ก็อาจจะส่งผลเสียตามมาได้ โดยเฉพาะอาการผิวไหม้แดด ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงเล่นน้ำเสมอ โดยมีวิธีการเตรียมตัวดังนี้
ก่อนลงเล่นน้ำ ควรเตรียมตัวอย่างไร

    เลือกสวมเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้ง่าย สบาย ถ่ายเทอากาศได้ดี และที่สำคัญจะต้องแห้งง่ายด้วย
    ทาครีมกันแดดแบบกันน้ำ โดยเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อการปกป้องผิวจากรังสียูวีอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเนื้อครีม ควรจะมีความบางเบา สบายผิว ทาแล้วไม่ทำให้เกิดความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ
    กระเป๋ากันน้ำ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น ทะเล น้ำตก มักจะไม่มีจุดบริการสำหรับฝากของ ทำให้ต้องพกพาไปด้วยตลอดเวลา ดังนั้นเมื่ออยากลงเล่นน้ำแต่ไม่รู้จะฝากของมีค่าอย่าง โทรศัพท์ กล้องและกระเป๋าสตางค์ไว้กับใครดี ก็ต้องมีกระเป๋ากันน้ำก่อน เท่านี้ก็สามารถลงเล่นน้ำได้แบบสบายๆ
    ใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ เพราะผู้หญิงทุกคนล้วนอยากสวยตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อไปในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนเยอะๆ ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไม่อยากเปลือยหน้าสดแม้ว่าจะต้องลงเล่นน้ำก็ตาม ดังนั้นจึงควรใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำในการแต่งหน้า เท่านี้เครื่องสำอางก็จะติดทน และไม่ต้องกลัวว่าตาจะกลายเป็นหมีแพนด้าหลังขึ้นมาจากน้ำ นอกจากนี้อาจใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารกันแดดด้วยก็จะดีมาก
    ผ้าเช็ดตัว โดยแนะนำให้เตรียมไว้ 2 ผืน สำหรับใช้ในการเช็ดตัวและเช็ดผมให้แห้ง โดยควรเป็นผ้าเช็ดตัวที่สามารถซึมซับน้ำได้ดี
    สบู่และแชมพูสระผม เพื่อใช้ในการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายหลังจากลงเล่นน้ำ โดยสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมีห้องน้ำสำหรับบริการอาบน้ำพร้อม เพียงแต่ต้องเตรียมสบู่และแชมพูสระผมไปเอง
    หวีและเครื่องเป่าผม เพราะคงไม่มีใครอยากอยู่ในสภาพผมเปียกและดูยุ่งเหยิง จึงควรเตรียมหวีและไดรฟ์เป่าผมไปด้วย
    ถุงพลาสติกใบใหญ่ ใช้สำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว และใส่ผ้าขนหนูแยกต่างหาก โดยอาจเตรียมไปสักหลายๆ ใบ เพื่อแยกผ้าสีกับผ้าขาวหรือแยกเสื้อกับกางเกงด้วยก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ซักได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องมาแยกผ้าก่อนซักในภายหลังนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผ้าสีลอกสีใส่ผ้าขาว ซึ่งก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ได้ยากมาก
    ยาสามัญประจำบ้านหรือยาโรคประจำตัว เพราะการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นคงจะดีกว่าหากมีการเตรียมยาให้พร้อม เช่น ยาพาราแก้ปวด ยาหม่อง ยาแก้ปวดท้อง ยาดม เป็นต้น โดยจัดใส่กระเป๋าเดินทางไว้ในช่องที่สามารถหยิบออกมาใช้ได้ง่าย เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นจะได้มียาบรรเทาไม่ต้องยุ่งยากกับการหาซื้อยา ที่ไม่รู้จะมีขายหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีการเตรียมตัวไปพร้อม แต่ก็ไม่ควรลงเล่นน้ำในช่วงที่แดดจัดจนเกินไป โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วง 12.00 – 14.00 น. ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด

5 แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ของอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มิถุนายน 16, 2553
อำเภอบ้านตาขุน อำเภอขนาดเล็กที่ตั้งตัวอย่างสงบ เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรียกขานกันในชื่อว่าบ้านตาขุน เป็นสถานที่ๆ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาให้เดินทางเข้ามาสัมผัสบรรยากาศของแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลาย แม้จะเป็นเพียงพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่โต

ทว่ากลับมีเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจ มีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ใครมาก็ไม่อยากพลาดโอกาสได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ถือว่าเป็นความงดงามแห่งแดนใต้ที่คุ้มค่ากับการตัดสินใจมาเยือน และด้วย 5 สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งเมืองตาขุนต่อไปนี้ ที่ควรลิสต์ไว้ในแผนการเดินทางอันดับต้นๆ แล้วจะรู้ว่าสถานที่เหล่านี้ มีความหมายมากมายแทรกซ่อนอยู่อย่างน่าประทับใจ
1. เขื่อนเชี่ยวหลาน

ชื่อเสียงเรียงนามของเขื่อนเชี่ยวหลาน คงน้อยคนที่จะไม่รู้จัก แม้จะไม่เคยได้ไปสัมผัส แต่ก็เชื่อว่าต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง ความงดงามของตัวเขื่อนที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว แม้เพียงก้าวแรกที่ได้เข้ามาสัมผัสในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล ก็พอจะประทับใจจนหายเหนื่อยกันได้แล้ว บริเวณดังกล่าวมีเสน่ห์อยู่ที่ผืนป่าที่เคียงคู่กันอยู่กับทะเลสาบอันเงียบสงบ กว้างใหญ่ ริ้วน้ำกระเพื่อมเป็นครั้งคราวเมื่อยามที่สายลมพัดผ่านมาสัมผัส มองไปเห็นแต่เสียงเพรียกแห่งพงไพร และเสียงต้อนรับของเหล่าสัตว์ที่หลบซ่อนอยู่ตามหลืบมุมต่างๆ ของป่าเขา สวยงามจับจิตชนิดที่เพียงแค่ได้เดินทางมามองเห็นและชื่นชมกลิ่นอายธรรมชาติเฉยๆ ก็คุ้มค่ามากเกินคาดแล้ว
2. อุทยานแห่งชาติเขาสก

ขนานนามดินแดนแห่งนี้ว่าเป็นขุนเขาแห่งป่าฝน เพราะด้วยความอุดมสมบูรณ์ภายในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นเรียงราย แผ่กิ่งก้านกลายเป็นหลังคาขนาดยักษ์ที่ช่วยกรองแสงอาทิตย์ให้ส่องกระทบพื้นดินเบื้องล่างได้เพียงน้อย จนกลายเป็นลักษณะของป่าดิบชื้นที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นผืนป่าอันสำคัญของภาคใต้ กินพื้นที่ราว 2,296,879.5 ไร่ ด้วยขนาดอันกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จึงเต็มไปด้วยความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ อุดมสมบูรณ์ด้วยสายพันธุ์ชีวิตมากมายที่คล้องเกี่ยวกับเป็นห่วงโซ่อาหาร หากมีโอกาส นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับพืชพรรณหายาก อย่างปาล์มหลังขาว และปาล์มพระราหู และอาจได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์ อย่าง เลียงผา สมเสร็จ และเก้งหม้อ ความสวยงามเหล่านี้ดูลงตัวกันกับความสูงชันของหน้าผา ประติมากรรมของทิวของหินปูนและถ้ำที่ดูต้องมนต์ขลัง ขนานนามให้เป็นดินแดน กุ้ยหลินแห่งเมืองไทยกันเลยทีเดียว
3. น้ำตกโตนกลอย

น้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของแดนใต้ ต้นกำเนิดของสายน้ำมาจากคลองศก ไหลบรรจบลงมาเป็นลักษณะของน้ำตกชั้นเดียว ดิ่งลงจากผาสูงราว 20 เมตร โดยมีน้ำไหลแรงให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสความชุ่มช่ำกันได้ตลอดทั้งปี บริเวณน้ำตกที่สายน้ำกำลังสาดกระเซ็นและโปรยตัวลงมากลายเป็นหยาดน้ำค้างตามยอดไม้ มีมุมพักผ่อนสบายๆ เป็นลานหินอยู่บนชั้นน้ำตก ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งเล่นชมความสวยงามของธรรมชาติกันได้อย่างใกล้ชิด
4. ถ้ำน้ำทะลุ

ถ้ำน้ำทะลุ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้ด้วยการนั่งเรือจากเขื่อนรัชประภา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วต่อด้วยการไล่เรียบไปตามคลองแปะราว 15 นาที ก่อนจะผลัดเข้าสู่การเดินเท้าไปอีก 2 กิโลเมตร ดูขลุกขลักกับเส้นทาง แต่ว่าความน่าตื่นเต้นนั้นชวนให้ลืมความเหนื่อยกันได้ไม่ยาก เมื่อถึงถ้ำทะลุ จะมองเห็นพื้นที่ของปากถ้ำขนาดกว้างถึง 30 เมตร ภายในประกอบด้วยลำธารทอดตัวยาวไกลไปกว่า 500 เมตร พร้อมความงดงามของหินงอกหินย้อย และโขดหินที่ผ่านการกัดเซาะจนกลายเป็นงานประติมากรรมที่สวยงามประหลาดตาทางธรรมชาติที่หาชมได้ยากยิ่ง
5. เส้นทางศึกษาธรรมชาติสันยางร้อย

เส้นทางศึกษาธรรมชาติสันยางร้อย เป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยป่าดิบชื้น ใช้การเดินเท้าสัมผัสความใกล้ชิดของเหล่าแมกไม้หลากหลายสายพันธุ์ในระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ระหว่างเส้นทางจะได้พบกับทางขึ้นลงเขา บุกผ่านลำห้วยและส่วนของผืนป่าที่ชื้นแฉะ จนได้กลิ่นไอของดินหอมๆ โชยขึ้นมา รอบด้านแวดล้อมเกาะเกี่ยวกันด้วยพืชพรรณมากหน้าหลายตาที่หาดูได้ยาก ราวกับหลงเข้าไปในยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ว่าจะเป็น เฟิร์น เต่าร้าง ยางเสียน และกระบาก ที่พบเห็นได้เรื่อยๆ ตามรายทาง พร้อมกับเสียงสำเนียงของเหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ เสียงนกและแมลงที่ดังก้องกังวานหาจับต้นตอไม่ได้ สะท้อนจับจิต ป่าวร้องต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเขินอาย หากโชคดีคงมีโอกาสได้โบกมือทักทายเจ้าบ้านกันบ้างสักครา

สถานที่ท่องเที่ยวของบ้านตาขุน ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินป่า หรือการสำรวจความสวยงามของป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ สายน้ำ และสิ่งมีชีวิตที่หาชมได้ยาก รับรองว่าอำเภอเล็กๆ แห่งนี้จะเป็นดินแดนอันแสนวิเศษ ที่ใครหลงเข้ามาแล้วจะต้องหลงในมนต์เสน่ห์อันงดงามยากเปรียบเปรยได้ผ่านคำบอกเล่า หากอยากสัมผัสความสุขสงบ ทั้ง 5 สถานที่ที่กล่าวไปข้างต้น จะชโลมหัวใจของทุกคนให้ฉ่ำเย็นและเป็นสุข

ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด ที่เที่ยวสุด UNSEEN ที่ใครมาสุราษฎร์ธานี จำเป็นต้องแวะแช่น้ำ

มิถุนายน 14, 2553
หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว UNSEEN ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว นอกจากเขื่อนเชี่ยวหลาน ก็ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่โดดเด่นและมีความสวยงามไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด นั่นเอง โดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งมีกิจกรรมสุดสนุกให้ทำมากมาย ที่ต้องบอกเลยว่าใครได้ไปเห็นจะต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน เอาเป็นว่ามาไปชมกันเลยดีกว่า ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ความอัศจรรย์ ของป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบ่อน้ำผุดใสสะอาด ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม โดยน้ำที่ผุดขึ้นมานี้ มีชื่อเรียกว่า ตาน้ำ ซึ่งก็มีลักษณะเป็นบ่อน้ำสีฟ้าอมเขียวและมีพื้นเป็นทรายตะกอนหินปูน จึงทำให้น้ำมีความใสวิ๊ง เหมือนกับกำลังส่องกระจกดูอยู่ ทำให้ดูน่าหลงใหลและชวนให้รู้สึกอยากลงเล่นน้ำเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้หากได้ลองแวะมาเที่ยวก็จะพบว่าบ่อน้ำผุด ที่ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราดแห่งนี้จะถูกกั้นออกเป็น 2 ส่วน เพราะที่นี่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาไว้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมที่สำคัญ รวมถึงเอาไว้กินไว้ใช้เป็นหลัก แต่เมื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม จึงกั้นส่วนเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเล่นน้ำได้ แต่อีกส่วนก็ยังคงเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สงวนเอาไว้ไม่ให้ใครลงไปเล่นอย่างเด็ดขาด

และที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือกิจกรรมสุดสนุก ที่พร้อมต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวกันอย่างมากมายหลายกิจกรรม ซึ่งก็รับรองเลยว่าไม่ว่าจะมากับกลุ่มเพื่อน มาเป็นครอบครัว หรือมาคนเดียว ก็จะพบกับความสนุกและความสุขแบบสุดเหวี่ยง
กิจกรรมสุดสนุก ที่ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

นอกจากจะได้พบกับความสวยงามและความเย็นฉ่ำของป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราดแล้ว ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมสุดสนุกให้ได้ลองมาสัมผัสกันอีกมากมายอีกด้วย โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1. พายเรือชมธรรมชาติ

ห้ามพลาดกับกิจกรรมการพายเรือชมธรรมชาติ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสทั้งความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และแหล่งน้ำที่มีความเย็นฉ่ำ ชวนให้รู้สึกชุ่มฉ่ำในจิตใจเป็นที่สุด อีกทั้งยังได้ศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศของป่าต้นน้ำแห่งนี้กันอีกด้วย ซึ่งก็รับรองเลยว่าจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหลงรักป่าต้นน้ำแห่งนี้ จนแทบไม่อยากกลับบ้าน โดยสำหรับการพายเรือชมธรรมชาติ ก็จะมีค่าบริการอยู่ที่ 50 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเลยทั้งยังคุ้มค่าสุดๆ
2. การเล่นน้ำคลายร้อน

อากาศร้อนๆ แบบนี้ก็ต้องมาคลายร้อนกันหน่อย กับการทำกิจกรรมลงเล่นน้ำในบ่อน้ำผุด ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างก็ไม่พลาดกิจกรรมนี้ เพราะด้วยน้ำที่ใสสะอาดจึงทำให้ใครก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการที่จะสัมผัสกับสายน้ำที่เย็นฉ่ำได้ และเมื่อเข้ามาเยือนที่นี่แล้วก็อย่าพลาดที่จะแวะมาเล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างเด็ดขาด
3. กางเต็นท์พักแรมสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ

ใครที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างเต็มที่ ก็ต้องไม่พลาดกิจกรรมการกางเต็นท์พักแรมกันเลย โดยที่นี่ก็มีบริการให้เช่าเต็นท์หรือจะนำเต็นท์มาเองก็ได้เหมือนกัน ซึ่งก็จะมีพื้นที่สำหรับการกางเต็นท์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์พักแรมกันโดยเฉพาะ ทั้งนี้รับรองเลยว่าจะได้สัมผัสกับความสุขและความผ่อนคลายแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ระเบียบข้อห้ามที่ควรรู้ เมื่อไปเที่ยวป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด

การไปเที่ยวป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด ก็มีระเบียบข้อห้ามที่นักท่องเที่ยวต้องรู้และทำความเข้าใจก่อนไปเที่ยวด้วยเช่นกัน โดยมีระเบียบและข้อห้ามดังต่อไปนี้

    ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความสะอาดของป่าต้นน้ำเอาไว้เสมอ ดังนั้นก่อนเข้าไปที่ป่าต้นน้ำ ก็อย่าลืมแวะทานอาหารและเครื่องดื่มให้เรียบร้อยก่อน
    ห้ามพกอาวุธใดๆ ทั้งสิ้น เข้าไปในบริเวณป่าต้นน้ำ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการก่อเหตุอันตรายระหว่างนักท่องเที่ยว และป้องกันการลอบทำร้ายสัตว์ป่าอีกด้วย
    ห้ามนำบุหรี่เข้าไปสูบในบริเวณของป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราดอย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นการทำลายระบบนิเวศของป่าได้
    ก่อนจะเข้าไปในบริเวณของป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด จะต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระ ก่อนเข้าไปในบริเวณทุกครั้ง
    ยาเสพติดทุกชนิด ห้ามนำเข้าไปในบริเวณของป่าต้นน้ำอย่างเด็ดขาด หากตรวจพบจะต้องถูกทำโทษตามกฎ
    ของมีค่าทั้งหลาย ควรระมัดระวังและเก็บไว้ใกล้ตัวมากที่สุด เพราะที่ป่าต้นน้ำในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อาจถูกลักขโมยไปโดยไม่รู้ตัวหรืออาจหล่นสูญหายได้

ต้องบอกเลยว่าป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุด UNSEEN ที่จะมองข้ามไม่ได้เลย โดยใครที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามและสมบูรณ์อยู่ล่ะก็ ต้องมาที่ป่าต้นน้ำ บ้านน้ำราดกันเลย แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

 รูปภาพ

เกาะสมุย สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ในสุราษฎร์ธานี ทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยสมบูรณ์

มิถุนายน 09, 2553
เกาะสมุย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดัง และมีชื่อเสียงอย่างมากในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติพากันไปเที่ยวอย่างคึกคัก แถมบนเกาะก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวย่อยๆ อีกหลายแห่งที่น่าสนใจอีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยมาให้ผู้ที่สนใจได้ทำความรู้จักกับเกาะสมุยกันมากขึ้น
จุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเกาะสมุย

เกาะสมุย เป็นเกาะที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติและโดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหาดทรายสวยและน้ำทะเลใส ซึ่งถือเป็นจุดไฮไลท์ที่ทำให้ใครๆ ต่างก็อยากมาเที่ยวเกาะสมุย และด้วยทิวต้นมะพร้าวที่เรียงรายตามชายหาด ก็ยิ่งทำให้ชายหาดบนเกาะสมุยมีความร่มรื่นและเหมาะกับการเล่นน้ำหรือนอนอาบแดดมากขึ้น จนทำให้คนส่วนใหญ่ต่างขนานนามว่าเป็น “สวรรค์กลางอ่าวไทย” นั่นเอง นอกจากนี้รอบๆ ของเกาะสมุยก็ยังมีแนวปะการังที่มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถดำน้ำเพื่อชมปะการังได้ หรือแม้แต่โรงแรม ที่พัก สปา ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ บนเกาะสมุยก็มีพร้อมบริการอย่างครบครันเช่นกัน
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนเกาะ

นอกจากไฮไลท์การท่องเที่ยวเกาะสมุยจะเน้นไปที่ทะเลและชายหาดสวยๆ แล้ว บนเกาะสมุยก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่แพ้กัน โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจดังนี้
1. หินตาหินยาย

เมื่อพูดถึงหินตาหินยายก็ต้องนึกถึงเกาะสมุยกันเลย โดยมีลักษณะเป็นหินแกรนิตที่ถูกกัดเซาะจากน้ำทะเลจนมีรูปร่างคล้ายกับอวัยวะเพศของผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งก็ตั้งอยู่บริเวณอ่าวละไมนั่นเอง นอกจากนี้บริเวณใกล้กัน ก็มีจุดชมวิวจากมุมสูงที่สามารถมองลงมาเห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะสมุยไกลออกไปในทะเลได้อย่างชัดเจนและสวยงามที่สุด ทั้งยังมีร้านขายของฝากตลอดแนว ให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อได้ตามต้องการ
2. จุดชมวิวลาดเกาะ

จุดชมวิวยอดนิยม ที่สามารถมองออกไปเห็นน้ำทะเลได้อย่างสุดลูกหูลูกตา และมองเห็นหาดเฉวงรวมถึงวิวทิวทัศน์ของภูเขาน้อยใหญ่ได้อย่างสวยงาม ที่นี่จึงเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งบนเกาะสมุยที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไม่พลาด แต่ทั้งนี้ควรขึ้นมาเที่ยวตอนช่วงเช้าหรือช่วงเย็นเท่านั้น เพราะอากาศไม่ร้อนจนเกินไปนั่นเอง
3. น้ำตกหน้าเมือง

สำหรับใครที่เบื่อการเล่นน้ำเค็มก็สามารถเปลี่ยนมาเล่นน้ำจืดบนเกาะ ที่น้ำตกหน้าเมืองแทนได้ โดยเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีสายน้ำไหลลงมารวมกันเป็นแอ่ง สามารถลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำได้ หรือจะไปชมแคมป์ช้างที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมากไม่แพ้กับแหล่งท่องเที่ยวในจุดอื่นๆ ของเกาะ
4. วัดพระใหญ่

เมื่อมาเที่ยวเกาะสมุย พลาดไม่ได้กับการมาเที่ยววัดพระใหญ่ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางมารวิชัย โดยนอกจากจะได้กราบไหว้พระใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองแล้ว ก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบๆ ได้อย่างสวยงามและชัดเจน โดยเฉพาะวิวเกาะพงัน หาดบางรักษ์และหาดบ่อผุด เพราะฉะนั้นห้ามพลาดที่จะแวะมาเที่ยวชมเด็ดขาด
5. ถนนคนเดินบ่อผุด

ถนนคนเดิน แหล่งช้อปแบบไทยๆ ที่ชาวบ้านบนเกาะสมุยได้ดัดแปลงบ้านไม้ธรรมดาให้กลายเป็นร้านอาหารและร้ายขายของที่ระลึก จึงสัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ของวิถีชีวิตแบบไทยๆ แถมยังได้ชิมรสอาหารสุดอร่อยที่ราคาไม่แพง และเดินเล่นสัมผัสกับบรรยากาศสุดชิลที่หาได้ชมได้ยาก
การเตรียมตัวมาเที่ยวเกาะสมุย

ก่อนไปเที่ยวเกาะสมุย จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมในหลายเรื่อง เพื่อไม่ให้เป็นการเดินทางไปเสียเที่ยวและเกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งก็มีคำแนะนำในการเตรียมตัวดังนี้

    ตรวจสอบสภาพอากาศเสียก่อน เพราะหากเป็นช่วงฝนตกหรือมีมรสุมก็จะทำให้เดินทางไปเสียเที่ยวได้ เนื่องจากไม่สามารถออกไปเที่ยวไหนได้นั่นเอง ทั้งยังเสี่ยงอันตรายอีกด้วย
    ศึกษาข้อมูลการเดินทางและข้อมูลเกี่ยวกับเกาะสมุยให้พร้อม เช่น ต้องเดินทางด้วยรถอะไร รถออกเวลาไหน ที่เกาะสมุยมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อย่างไร และที่สำคัญที่สุดก็คือการจองโรงแรมที่พักล่วงหน้านั่นเอง
    เตรียมของใช้จำเป็นให้พร้อม โดยเฉพาะยาสามัญและยาโรคประจำตัว รวมถึงถุงหรือซองกันน้ำด้วย

การเดินทาง

สำหรับการเดินทางไปเที่ยวเกาะสมุย จะต้องเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี โดยอาจเดินทางด้วยรถส่วนตัว รถไฟ หรือรถปรับอากาศเพื่อไปลงที่ท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักก็ได้ จากนั้นก็ขึ้นเรือต่อไปยังเกาะสมุย ซึ่งจะมีเรือออกทุกชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 06.00 – 16.00 น. หรือหากไม่อยากให้ยุ่งยากในการต่อรถมากนัก ก็อาจซื้อแพ็คเกจทัวร์เกาะสมุยโดยตรง หรือจะนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินเกาะสมุยเลยก็ได้ เกาะสมุย “สวรรค์กลางอ่าวไทย” ที่ใครก็อยากไปเที่ยวดูสักครั้ง

5 จุดดำน้ำยอดฮิต ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมืองร้อยเกาะ

มิถุนายน 06, 2553
สุราษฎร์ธานี นอกจากจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อยเกาะ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่งดงามและน่าสนใจแล้ว ก็ยังขึ้นชื่อว่ามีจุดดำน้ำที่สวยงามที่สุด จนใครก็อยากจะแวะไปเที่ยวชม โดยในบทความนี้ก็ได้รวบรวม 5 จุดดำน้ำยอดฮิตในจังหวัดสุราษฎร์มาแนะนำกัน ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง และมีความน่าสนใจขนาดไหน สามารถไปชมรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้
1. เกาะนางยวน

จุดดำน้ำชมปะการัง ที่เหมาะกับคนที่พึ่งฝึกดำน้ำใหม่ๆ เป็นที่สุด เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีกระแสลมที่รุนแรงมากนัก จึงทำให้น้ำนิ่งสงบไม่มีคลื่นมากวนใจ และด้วยความลึกเพียงแค่ 20-30 ฟุตเท่านั้น จึงไม่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกดำน้ำอย่างแน่นอน สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ใครก็อยากมาดำน้ำที่เกาะนางยวน คือ

    น้ำทะเลใสสะอาด ทำให้มองเห็นธรรมชาติใต้น้ำได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะเมื่อดำน้ำลงไป จะพบกับความงามแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
    มีปะการังที่สวยงดงาม พร้อมด้วยฝูงปลาหลากหลายชนิด ซึ่งใครที่มีกล้องถ่ายรูปแบบกันน้ำได้ ก็อย่าพลาดที่จะถ่ายรูปปะการังใต้น้ำกลับไปด้วย
    นอกจากจุดดำน้ำที่น่าสนใจแล้ว ก็ยังมีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลได้อย่างสวยงาม พร้อมด้วยจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่จะทำให้คุณรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง : เกาะนางยวนอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
2. หินไบ

จุดดำน้ำยอดนิยมที่อยู่ระหว่างเกาะเต่ากับเกาะพงัน โดยมีลักษณะเป็นภูเขาหินใต้น้ำที่มีความงดงามและโดดเด่น ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าปะการังและต้นไม้ใต้น้ำบางชนิดที่มีสีสันสะดุดตาอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของเกาะหินไบก็มีดังนี้

    เป็นจุดรวมของฝูงปลาที่มีความหนาแน่นที่สุด โดยเฉพาะกระเบนราหู ปลากะพง และปลาอีกหลายชนิด ซึ่งใครที่ชอบชมและเก็บภาพฝูงปลาสวยๆ ก็ห้ามพลาดที่จะว่าดำน้ำที่นี่เด็ดขาด
    ดูลึกลับและน่าค้นหากับฝูงปลาที่เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซากเรืออัปปาง โดยเป็นภาพที่หาชมได้ยากมาก
    โดดเด่นด้วยปะการังนานาชนิด ซึ่งที่หินไบก็ขึ้นชื่อในเรื่องของปะการังที่สวยงามสะดุดตาเป็นที่สุด

ที่ตั้ง : หินไบตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะพงัน อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
3. กองทรายแดง

จุดดำน้ำบนเกาะเต่า ที่มีทั้งจุดดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น โดยมีระดับความลึกที่ 5-20 เมตร และขึ้นชื่อในเรื่องของปะการังอ่อนสีสดที่งดงาม ซึ่งที่กองทรายแดง ก็เป็นจุดดำน้ำที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย และด้วยระดับความลึกที่ไม่ลึกจนเกินไป จึงเหมาะกับนักดำน้ำมือใหม่ที่สุด สำหรับจุดเด่นของจุดดำน้ำแห่งนี้ ได้แก่

    เป็นจุดรวมของปะการังและธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่มีความโดดเด่น ทั้งปะการังอ่อนสีสด ฟองน้ำครก และกัลปังหา
    มองดูสวยงาม เพลินตา ด้วยแนวปะการังหลากสีสัน และฝูงปลาหลากชนิด ที่จะทำให้คุณรู้สึกตื่นตาตื่นใจและมีความสุข

ที่ตั้ง : กองทรายแดงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
4. กองชุมพร

จุดดำน้ำชมปะการังที่ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ว่างดงามมาก และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หายากหลายชนิด ที่นี่จึงมักจะมีนักท่องเที่ยววนเวียนมาดำน้ำกันอยู่เสมอ พร้อมทั้งมีความคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดปี ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้ใครก็ชอบแวะมาดำน้ำที่นี่ คือ

    เป็นที่อยู่ของปะการังดำ ฟองน้ำ และถ้วยทะเล ที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความงดงามของปะการังดำและถ้วยทะเลเหล่านี้ จึงมักจะรวมตัวมาดำน้ำที่นี่กันเป็นประจำ
    เป็นแหล่งของฉลามวาฬตัวใหญ่ ที่คุณจะได้เข้าไปสัมผัสกับพวกมันอย่างใกล้ชิด และยังเป็นแหล่งของปลาเก๋า ปลาหมอทะเล

ที่ตั้ง : กองชุมพรตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
5. กองหินขาว

กองหินขาว จุดดำน้ำชมปะการังอีกหนึ่งแห่ง ที่จะพลาดไม่ได้เลย โดยเฉพาะคนที่พึ่งหัดดำน้ำใหม่ๆ และยังไม่กล้าดำลงที่ลึกมากนัก เพราะที่กองหินขาวมีระดับการดำน้ำทั้งแบบตื้นและแบบลึก ตั้งแต่ 6-22 เมตร และด้วยน้ำทะเลที่ใสสะอาด จึงมองเห็นภาพของปะการังและเหล่าฝูงปลาได้อย่างชัดเจน ซึ่งจุดเด่นของจุดดำน้ำแห่งนี้ก็คือ

    จุดดำน้ำแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นกองหินที่พ้นน้ำขึ้นมา และมีแนวปะการังอาศัยอยู่โดยรอบ โดยเฉพาะปะการังดำ ปะการังอ่อนหลากสี ดอกไม้ทะเล และกัลปังหาพัก เป็นต้น
    น้ำทะเลใสสะอาด มองเห็นธรรมชาติใต้น้ำได้อย่างงดงามและชัดเจนที่สุด

ที่ตั้ง : กองหินขาวอยู่ทางตอนใต้ของเกาะหางเต่า อำเภอเกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นับว่าน่าสนใจไม่น้อยกับ 5 จุดดำน้ำยอดฮิตในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ใครก็อยากลองแวะมาดำน้ำที่นี่กันดูสักครั้ง เพราะฉะนั้นวันหยุดนี้อย่ารอช้า รีบจัดกระเป๋าเดินทางไปดำน้ำชมปะการังกันที่สุราษฎร์ธานีกันเลย และนอกจากแหล่งดำน้ำที่น่าสนใจแล้ว สุราษฯก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีกมากมายหลายแห่งที่รอให้คุณแวะไปชม

แหล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนาใน จ.สุราษฎร์ธานี เน้นไหว้พระขอพร เสริมสิริมงคล

พฤษภาคม 31, 2553
จ.สุราษฎร์ธานี มีวัดมากมาย ทั้งในตัวเมืองและนอกตัวเมือง ในหลายๆ ที่จะเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามาร่วมทำบุญ ไหว้พระ เพื่อเป็นศิริมงคลให้กับตนเอง
ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี

ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นศูนย์กลางรวมใจของชาวเมือง สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมศรีวิชัย ซึ่งมีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่โบราณกาล โดยหลักเมืองจะประดิษฐานอยู่ในมณฑป มีอายุเก่าแก่กว่า 130 ปี แกะสลักจากต้นราชพฤกษ์ อิงตามศิลปะศรีวิชัย ลงรักปิดทองอย่างสวยงาม ที่ยอดบนสุดของหลักเมือง ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยศาลหลักเมืองตั้งอยู่ที่สนามศรีสุราษฎร์ กลางเมืองสุราษฎร์ธานี เปิดให้เข้าสักการะตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.
วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของชาวใต้ สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 -14 ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยรอบองค์พระธาตุจะมีเจดีย์ขนาดเล็กทั้ง 4 ทิศ รายล้อมด้วยวิหารคด ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ นอกจากนี้ยังมีลายปูนปั้นที่ประดับอยู่ที่ซุ้มประตูองค์พระบรมธาตุ ซึ่งมีความสวยงามตามแบบของศิลปะแบบศรีวิชัย
วัดธารน้ำไหล หรือสวนโมกขพลาราม

วัดแห่งนี้จัดตั้งโดยท่านพุทธทาสภิกขุ โดยชื่อสวนโมกขพลาราม หมายความว่า สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้น เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเป็นสถานที่เผยแพร่พุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่เขาพุทธทอง ในเขตอำเภอไชยา ภายในมีโรงมหรสพทางวิญญาณ ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่สอนธรรมะ ภายในมีภาพวาด ภาพปริศนาธรรมต่าง ๆ รวมถึงยังใช้เป็นที่ประชุมธรรมของนักธรรม
วัดถ้ำสิงขร

วัดถ้ำสิงขร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่ตำบลถ้ำสิงขร อ.คีรีรัฐนิคม เป็นวัดที่เก่าแก่มีความเป็นมายาวนานเคียงข้างชุมชนเก่าแก่ในลุ่มน้ำคลองยันและลำน้ำคีรีรัฐ ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางป่าเลไลยก์ ซึ่งด้านหลังยังมีพระพุทธรูปตั้งเรียงรายอยู่หลายองค์ นอกจากเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาแล้ว วัดถ้าสิงขรยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากมีการค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ของมนุษย์ในยุคหินกลาง หินใหม่ และในยุคโลหะ
ศาลเจ้ากวนอูเกาะสมุย (มะเร็ต)

ท่านกวนอู หรือ ท่านกวนกง เป็นวีรบุรุษในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน ท่านได้รับการบูชา สักการะในนามของเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ท่านมีจริยธรรมในด้านความซื่อสัตย์และกล้าหาญ ถือคุณธรรมเป็นใหญ่ มีความกตัญญูรู้คุณ ความกล้าหาญ ความยุติธรรม และมนุษยธรรม เทพเจ้ากวนอูนี้องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ รูปร่างสูงใหญ่ สง่างามน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น ผู้คนมักไปบูชาเทพเจ้ากวนอูในคุณธรรมของท่านเพื่อจะนำมาซึ่งโชคลาภและความร่ำรวย
วัดเจดีย์แหลมสอ (เกาะสมุย)

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมานมัสการเจดีย์แหลมสอ มีศิลปะแบบศรีวิชัยที่ถูกสร้างขึ้นโดยหลวงพ่อแดง ติสโส พระภิกษุที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากของชาวเกาะสมุย ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลแห่งเดียวของเกาะสมุย บริเวณภายในวัดมีความร่มรื่น นักท่องเที่ยวมักจะมากราบขอพรพระบรมสารีริกธาตุ ภายในองค์เจดีย์ และขอพรจากหลวงพ่อแดงในศาลาที่มีหุ่นขี้ผึ้งของท่านอยู่ ด้วยการนำเรือต่างๆมาถวาย มากราบไหว้ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะสมุย ใกล้กับหมู่บ้านแหลมสอ สามารถมานั่งพักผ่อนรับลมทะเล บริเวณเก้าอี้หินขัดในศาลาเล็กๆ ที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้สำหรับญาติโยมและนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญได้นั่งพักผ่อน ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
วัดพระมหาธาตุคีรีอินทรวิหาร “วัดอินทราวาส”

วัดอินทราวาส หรือที่เรียกกันนามเดิมว่า วัดย่านมะปราง ตั้งอยู่ในอำเภอ คีรีรัฐนิคม สร้างขึ้นก่อนปี พุทธศักราช 1111 ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในพระมหาธาตุเจดีย์คีรีศรีวิชัย เชื่อกันว่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองคีรีในอดีต โดยพระครูอินทธรรมวงศ์ เจ้าอาวาสวัดได้ตั้งปณิธานในการแสวงหาพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานคูวัดโบราณเก่าแก่แห่งนี้ไว้
วัดไทร

จากการขุดค้นพบโบราณวัตถุมากมายภายในบริเวณวัดไทร คาดว่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศรีวิชัย ซึ่งพบวัตถุโบราณเช่น ศิลปวัตถุ ซากปรักหักพังของวัด และหลักๆคือ องค์พระพุทธรูปแกะสลักด้วยหินทรายที่เป็นศิลปะแบบศรีวิชัย ทำให้ทราบถึงความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในอดีต และได้นำมาประดิษฐานไว้ภายในพระอุโบสถที่อยู่ในปัจจุบันนี้ ได้มีการเก็บรวบรวมไว้ภายใต้ฐานพระอุโบสถสที่สร้างขึ้นมาในปี พุทธศักราช 2474 เนื่องจากว่าพระอุโบสถเดิมมีความทรุดโทรมเป็นอย่างมากจึงได้บูรณะขึ้นใหม่  วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณมีความเก่าแก่อยู่ในเขตป่าต้นไทร ในตำบลตลาด เขตอำเภอเมือง  เชื่อกันว่าเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพ สักการะบูชาของชาวเมืองแห่งนี้
วัดกลางเก่า

อยู่ฝั่งตรงข้ามวัดไตรธรรมาราม ใกล้แม่น้ำตาปี มีวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนพุทธศักราช 2320 สร้างขึ้นโดยประชาชนชาวเมืองในอดีตร่วมมือร่วมใจกัน ในบริเวณวัดใกล้ทางออกไปแม่น้ำตาปี มีโลงแก้วที่บรรจุร่างของพระอธิการซ้อน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดที่ละสังขารมานานกว่า 50 ปี ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมากได้กราบไหว้บูชา  ตรงข้ามประตูวัดมีศาลาเล็กๆ ให้ชาวบ้านได้นั่งพักผ่อนและจอดเรือเล็กของชาวบ้านเพื่อขึ้นฝั่งได้
วัดโพธาวาส

วัดแห่งนี้ก็เป็นอีกสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในตำบลตลาด อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่อายุร่วม 220 ปี รู้จักกันดีในนามวัดหลวงพ่อกล่อม ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสูง 80 นิ้ว วัดแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือเรื่องตะกรุดศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อกล่อม คือตะกรุดสามดอก วัดโพธาวาส สุราษฎร์ธานี เป็นตะกรุดหายาก ที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเหล่าวัตถุมงคล ถือเป็นสุยอดตะกรุดที่มีความขลัง ทำให้มีราคาแพงที่สุดในภาคใต้

10 ชายหาดติดทะเล ที่สวยที่สุดใน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาเที่ยวแล้วต้องห้ามพลาด

พฤษภาคม 26, 2553
แนะนำ รายชื่อ 10 ชายหาด ที่มีความสวยงดงามที่สุด ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หากมาเที่ยวทะเลแล้วต้องมาเยือน มีอยู่หลายเกาะที่มีชายหาดสวยงาม ขึ้นชื่อ คงความเป็นธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส
1. หาดเฉวง

ชายหาดที่ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงามและน่าเที่ยวแห่งหนึ่งของเกาะสมุย โดยเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเล่นน้ำและนอนอาบแดดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหาดบริเวณนี้จะมีลักษณะเป็นหาดทรายขาวที่มีน้ำใสสะอาด มองเห็นใต้น้ำอย่างสวยงาม และด้วยระดับน้ำที่ไม่ลึกมากจึงเหมาะกับการลงเล่นน้ำที่สุด นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ก็ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ที่พักและสถานบันเทิงต่างๆ ไว้บริการลูกค้ากันอีกมากมาย เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมองหาหาดสวยๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีก็ต้องมาที่หาดเฉวงกันเลย
2. หาดตลิ่งงาม

ชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมุมที่เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกที่สุด เพราะสามารถมองเห็นภาพดวงอาทิตย์ตกลงมาระหว่างเกาะสี่เกาะห้าได้อย่างสวยงามและชัดเจน แถมยังได้บรรยากาศที่โรแมนติก เหมาะกับการพาคู่รักหรือครอบครัวมาชมพระอาทิตย์ด้วยกันเป็นที่สุด นอกจากนี้หาดตลิ่งงามก็ยังเป็นจุดเช่าเรือเพื่อไปดำน้ำชมปะการังที่เกาะสี่ เกาะห้า หรือใครจะเช่าเรือตกปลาก็ได้เหมือนกัน
3. หาดเทียนออก

หาดทรายสวยบนเกาะเต่าที่ทอดตัวยาวประมาณ 300 เมตรอย่างสวยงาม เหมาะกับการลงเล่นน้ำและเดินเล่นไปตามชายหาดที่สุด แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นหาดที่สามารถมองเห็นฝูงปลาฉลามได้ง่ายกว่าหาดอื่นๆ ทั้งยังสามารถดำน้ำไปชมปลาฉลามได้อย่างใกล้ชิด แบบที่คุณไม่สามารถสัมผัสได้จากที่ไหน นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อไปยังหาดทรายแดงและอ่าวโฉลกบ้านเก่าได้ด้วย
4. หาดท้องนายปาน

หาดสวยทางด้านตะวันออกของเกาะพงัน ที่มีความเงียบสงบและสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง แถมยังมีทัศนียภาพที่ประกอบไปด้วยผืนป่า ภูเขาและเวิ้งอ่าวอย่างงดงาม ทั้งยังมีหาดทรายขาวสะอาดตาที่เหมาะกับการนั่งเล่นและนอนอาบแดดที่สุด และด้วยน้ำทะเลที่ใสสะอาด ไม่ลึก จึงสามารถลงเล่นน้ำได้แบบชิลๆ ยิ่งหากใครที่ชอบทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วยแล้ว ที่หาดท้องนายปานก็มีกิจกรรมการปีนเขา พายเรือ เดินป่าและดำน้ำให้คุณได้เลือกทำกันอย่างจุใจ น่าเที่ยวแบบนี้บอกเลยห้ามพลาด
5. หาดสลัด

หาดทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะพงัน ที่มีหาดทรายขาวทอดยาวประมาณ 800 เมตร สามารถเดินเล่นได้ตลอดแนวชายหาด และมีแนวปะการังน้ำตื้นที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยดอกไม้และต้นไม้อย่างสวยงาม ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าใครที่ชอบชมปะการังสวยๆ ที่หาดสลัดก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี และนอกจากความโดดเด่นดังกล่าวแล้ว ที่นี่ก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ได้ทำกันอีกมากมาย อย่างเช่นการพายเรือคายัค การปีนเขา การตกปลาและการดำน้ำปะการังให้คุณได้ทำกันอย่างไม่มีเบื่อ นอกจากนี้บริเวณรอบๆ หาด ก็มีที่พักสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายไว้บริการคุณเช่นกัน
6. หาดบางปอ

หาดบางปอ เป็นชายหาดแห่งหนึ่งบนเกาะสมุยที่มีความงดงามไม่แพ้หาดอื่นๆ แต่ที่นี่จะมีความเงียบสงบ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านมากนัก จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการพักผ่อนที่สุด แถมน้ำทะเลก็มีความใสสะอาดน่าลงเล่นน้ำ เอาเป็นว่าใครที่ไปเที่ยวเกาะสมุยก็ลองแวะไปที่หาดแห่งนี้กันดู แล้วคุณจะพบว่าที่นี่น่าเที่ยวไม่น้อย
7. หาดทรายแดง

หาดทางทิศใต้ของเกาะเต่าที่อยู่ติดกับหาดเทียนออก โดยหาดแห่งนี้มีเม็ดทรายสีแดงละเอียดที่แตกต่างจากหาดทั่วไปและมีแหลมหินทับซ้อน จึงทำให้หาดแห่งนี้มีความสวยงามแปลกตาและน่าสนใจ แถมยังอยู่ใกล้กับแหล่งดำน้ำที่สำคัญของเกาะเต่า ซึ่งก็คือเกาะฉลาม เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าห้ามพลาดที่จะแวะมาเที่ยวที่หาดทรายแดงเด็ดขาด
8. หาดท้องตะเคียน

อีกหนึ่งหาดบนเกาะสมุยที่จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่นี่ถือเป็นหาดที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง โดยจุดเด่นของที่นี่ก็คือหาดทรายขาวสะอาดตาและโขดหินที่กระจายอยู่ตามแนวหาดอย่างสวยงาม ทั้งยังสามารถมองเห็นวิวท้องทะเลที่เป็นสีฟ้าใสราวคริสตัลได้อย่างชัดเจน แต่สำหรับการลงเล่นน้ำจะต้องระมัดระวังสักหน่อย เพราะหินบางก้อนมีมุมที่แหลมคมและมีเพรียงเปลือกแข็งเกาะอยู่ จึงเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้นั่นเอง
9. หาดริ้นนอก

สำหรับหาดแห่งนี้ก็แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะเป็นหาดที่ใช้จัดปาร์ตี้ ฟูลมูน และขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดบนเกาะพงัน โดยลักษณะของชายหาดจะมีความโค้งเว้าคล้ายกับครึ่งวงกลม มีหาดทรายสีขาวละเอียดและน้ำทะเลที่เป็นสีเขียวมรกตอย่างสวยงามสะดุดตา นอกจากนี้ยังครบครันไปด้วยร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้าและร้านอินเทอร์เน็ต ให้คุณได้ช้อปกันแบบสนุกและจุใจจริงๆ
10. หาดบ้านใต้

สำหรับใครที่อยากจะสัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนอันเก่าแก่ ก็ต้องมาที่หาดบ้านใต้กันเลย โดยที่นี่มีชุมชนที่ยังคงใช้ชีวิตด้วยวิถีแบบเดิมๆ แถมยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามไม่แพ้หาดอื่นๆ นอกจากนี้หาดบ้านใต้ก็มีความเงียบสงบที่เหมาะกับการพักผ่อนเพื่อความผ่อนคลายที่สุด โดยเฉพาะคนที่มาร่วมฟูนมูลปาร์ตี้ด้วยแล้ว ก็สามารถพากันมาพักผ่อนที่นี่ได้